วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

10 คำถามคาใจชาวพุทธ ถึงสนช. หลังมติแก้ไขพ.ร.บ.สงฆ์ผ่าน 3 วาระรวด



      รวบรวมคำถามคาใจชาวพุทธ 
ถึง สนช. หลังแก้ไขพ.ร.บ.สงฆ์ผ่านแล้ว
        1. ถ้าอยู่ ๆ ก็มีคนต่างประเทศ มาแต่งตั้งนายกคนใหม่ให้เมืองไทย โดยคนไทยไม่รู้เรื่องราวอะไรมาก่อน ไม่มีส่วนร่วมการคัดเลือกบุคคลผู้เป็นตัวแทนของคนไทยไปเป็นนายกฯเลย คุณจะยอมไหม ? 
        2. การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ก็ยังต้องมีการเลือกบุคคลขึ้นเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อที่จะเป็นตัวแทนของประเทศไทย (ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย) มาเป็นนายกฯ แล้ว ประมุขสงฆ์ของชาวพุทธ ก็ควรเป็นการปฏิบัติที่เหมือนกัน หรือจะไม่ให้ชาวพุทธโดยคณะสงฆ์มีส่วนร่วมที่เลือกผู้ที่เป็นผู้แทนไปเป็นประมุขบ้างเลยหรือ ?
        3. อยู่ ๆ ถ้าในหมู่บ้านของคุณ ไม่รู้ใครมาจากไหน ? มาแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านให้คุณเลย โดยไม่ให้สิทธิการเลือกผู้แทนของคนในหมู่บ้านไปเป็นผู้แทนของเขาเลย เป็นคุณ คุณจะยอมรับได้ไหม ?
            แม้ในระบบการปกครองสงฆ์ ตามพระธรรมวินัย ก็มีการเคารพกันตามภันเตอยู่แล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เลย แต่ถ้าไม่ตามภันเต สิมีปัญหาแน่ ชาวโลกอาจไม่รู้ แต่พระจะรู้เรื่องของพระมากกว่า เทียบง่าย ๆ แม้กระทั่งพี่น้องในครอบครัว ยังต้องเคารพตามพี่ตามน้องเลย ครอบครัวจึงจะเป็นสุขได้
         4. ที่สำคัญ ทำไมต้องมารีบเปลี่ยนแปลงพ.ร.บ.คณะสงฆ์ในช่วงนี้ ไม่มีเหตุจำเป็นสิ่งใดเลยสักนิดใช่หรือไม่ ? 
         5. และเรื่องราวที่มส.เคยเสนอนามพระราชาคณะไปแล้วล่ะ ตอนนี้ไปตกค้างอยู่ที่ใดหรือ ? 
         6. สนช. เป็นผู้ดูแลกฎหมายของฆราวาสมิใช่หรือ ส่วนพ.ร.บ.คณะสงฆ์ เป็นกฎหมายของสงฆ์ใช่หรือไม่ ? แล้วทำไม ฆราวาส มาแก้พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ได้ด้วยหรือ ? 
         7. การกระทำของฝ่ายอาณาจักรเช่นนี้ เรียกว่าก้าวก่ายงานของฝ่ายศาสนจักร หรือที่เรียกว่าละเมิดสิทธิของชาวพุทธ ใช่หรือไม่ ?
         8. ตลอดกว่า 2500 ปีที่ผ่านมา พระพุทธศาสนาเป็นฝ่ายศาสนจักร เป็นที่เคารพสักการะและเป็นที่ปรึกษาของพระราชามหากษัตริย์ มหาเศรษฐี ตลอดมา แต่การแก้พ.ร.บ.คณะสงฆ์ครั้งนี้ เป็นการกระทำเฉพาะของฆราวาสแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งคณะสงฆ์ไม่มีส่วนร่วมและไม่ทราบมาก่อนเลย ใช่หรือไม่ ?

          9. การจะแก้ไขพระราชบัญญัติซึ่งเป็นพระบรมราชโองการจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 จะเหมาะสมหรือไม่ ? 
         ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระองค์ก็ทรงมีพระดำรัสให้รัฐบาลยึดนโยบายการปฏิบัติให้ราษฎรมีความสุขที่สุด ลดการขัดแย้ง และเคยปฏิบัติกันมาอย่างไร ก็ให้ถือปฏิบัติเหมือนครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยังอยู่กับพสกนิกรตลอดไป...มิใช่หรือ ?? 
          10. ทั่วโลกต่างทราบดีว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธที่มีชาวพุทธมากที่สุด แต่ถ้าแก้พ.ร.บ.คณะสงฆ์แบบนี้ ท่านคิดว่าชาวพุทธจะรู้สึกอย่างไร ? การกระทำหรือการตัดสินใจของฝ่ายอาณาจักร จะละเมิดสิทธิเสรีภาพการนับถือศาสนาของสงฆ์ไทยและชาวพุทธหรือไม่ ????

ขอขอบคุณ
http://www.winnews.tv/news/11758
เพจน้องแสนดี 
https://goo.gl/oTdRUu

สนช.แก้พ.ร.บ.คณะสงฆ์ผ่านฉลุยพิจารณาแค่ 1 ชั่วโมง 3 วาระรวด : สงสัยทำไม ? ต้องรีบแก้





มติชนออนไลน์ 29 ธ.ค. 2559
        สนช.แก้พ.ร.บ.สงฆ์ผ่านฉลุยแค่ 1 ชั่วโมง 3 วาระรวด ให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระสังฆราช โดยไม่ต้องมีมหาเถรสมาคมเสนอนามพระราชาคณะ
        เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 29 ธันวาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่..) พ.ศ.2505 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535)ที่ พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ สมาชิกสนช.เป็นผู้เสนอ โดยมีนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เข้าร่วมประชุมด้วย 
พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ สมาชิกสนช.เป็นผู้เสนอร่างกฏหมาย      
         โดย พล.ต.อ.พิชิต ในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมาย โดยแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 เพียงประเด็นเดียวในมาตรา 7 คือเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช โดยแก้ไขให้มีข้อความว่าให้เหลือใจความสำคัญคือ 

          “การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ให้เป็นพระราชอำนาจ” ส่วนเรื่องเงื่อนไขอื่นๆ คือ ลำดับอาวุโสโดยสมณศักดิ์ให้ตัดออก


        วาระที่ 1  สรุปมติสนับสนุนด้วยคะแนน 184 : 0 งดออกเสียง 5 

        วาระที่ 2  โดยนายสมชาย ได้เสนอตั้งคณะกรรมาธิการฯเต็มสภาฯ โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ซึ่งการพิจารณาในวาระ 2 ใช้เวลาเพียง 5 นาที โดยไม่มีผู้ใดอภิปราย 
        วาระที่ 3  เป็นการลงมติ ด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ 182 : 0 งดออกเสียง 6 เพื่อประกาศพ.ร.บ.สงฆ์ใช้เป็นกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การพิจารณากฎหมายดังกล่าวสนช.ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง
อ้างอิง :http://www.matichon.co.th/news/410449        

         สรุปขั้นตอนการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชหลังจาก สนช. แก้พ.ร.บ.คณะสงฆ์แล้ว ดังนี้
ขั้นตอนการแต่งตั้งพระสังฆราช

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

We are Buddhists ถามคนไทย จัดการธรรมกาย "ทำเกินกว่าเหตุไปไหม ? "

“ ทำเกินกว่าเหตุ”


นาทีนี้ คนไทยคงได้เสพข่าวเรื่อง ธรรมกาย กันอย่างมากมาย ถ้าไม่รู้เรื่องเลย ก็ต้องถือว่าประหลาด 

ยิ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องในแวดวงศาสนาด้วยแล้ว ถ้าไม่รู้เรื่อง ยิ่งถือว่าประหลาด

สำหรับพวกเราตั้งองค์กร มาเพื่อปกป้องชาวพุทธ องค์กรพุทธ ไม่ว่าจะนิกายไหนๆ นับถือสายไหนๆ ปฏิบัติสายไหน ถ้ามีพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน ตอนนี้เราถือว่า เป็นพวกเดียวกัน (ถ้าท่านพร้อมมาเป็นพวกเรา) ยิ่งเมื่อต้องออกมาปกป้องอย่างนี้  ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวัดธรรมกาย

ผมเห็นวิธีการ เข้าปิดล้อม เพื่อจับกุม  เห็นแล้วก็สลดใจ

เห็นการตั้งข้อหาเพิ่มรายวันอย่างรวดเร็ว ทะลุไปกว่า 150 คดี เห็นแล้วก็ยิ่งสลดใจ

เจ้าหน้าที่ สนธิกำลังอย่างมากมาย เข้าปิดล้อม เพื่อจับกุม ด้วยวิธีการเช่นนี้ก็ยิ่งสลดใจ

คุณคิดอะไรกันอยู่ ที่อยู่ภายในนั้นคือพระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรม เขาแต่งกายชุดที่งดงามสะอาดตา ถือศีล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม


แต่ภาพที่สื่อออกมายังบุคคลภายนอก  มันเหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่รัฐกำลังไปจับบุคคลที่เป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ บุคคลที่เป็นอาชญากรคนสำคัญของโลก

แถมยังมีการตัดน้ำตัดไฟ 
ทั้งที่ภายในนั้นมีทั้งพระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรม อย่างมากมาย

คิดถึงด้านสิทธิมนุษยชนก็ไม่ควรทำ
คิดถึงคดีความ ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แถมมีอายุความตั้ง 15 ปี ก็ยังไม่จำเป็นต้องเร่งทำ

ผมเห็นจำนวนคดีแล้ว ก็นึกขำๆ ที่เขาพูดกันเล่นๆ    

“ ปล่อยให้เขาสำนึกผิดบ้างนะ คดีเยอะขนาดนี้เดี๋ยวสำนึกผิดไม่ทัน”


ผมอยากเตือนสติเจ้าหน้าที่รัฐ  ก่อนที่อะไรมันจะบานปลาย แบบที่ไม่ควรเกิด เดี๋ยวมันจะกลายเป็น


“น้ำผึ้งหยดเดียว”
ถ้าบุกแล้วเกิดมีใครเจ็บหรือตาย  ใครจะรับผิดชอบละ

**ที่สำคัญ** 
ถ้าจับท่านธัมมชโยได้แล้ว จะทำอย่างไรต่อไปละ

ไม่คิดบ้างเหรอครับว่า ถ้าจับท่านธัมมชโยได้แล้ว ลูกศิษย์เขาจะยอมเหรอ ถ้าบรรดาลูกศิษย์เขา พากันออกมาชุมนุมนอกวัดเพื่อตามหลวงพ่อเขาคืนละ

ไม่คิดบ้างเหรอครับว่า ถ้าจับท่านธัมมชโยได้แล้ว ถ้าลูกศิษย์ไม่ยอมหยุด ออกมาชุมนุมต่อเนื่องละ จะเกิดอะไรขึ้น คิดไหมว่า ตอนนี้อาจจะมีใครเตรียมผสมโรง

ไม่ทราบเหรอครับว่า...  
ชาวนาทั่วประเทศเขากำลังเดือนร้อนอย่างหนักเพราะนายทุน กดราคาข้าวจนขาดทุนย่อยยับ

ไม่ทราบเหรอครับว่า...
ราคายางที่ตกขนาดนี้ ชาวสวนยาง ก็เดือดร้อนมานาน

ไม่ทราบเหรอครับว่า...
กลุ่มคนสีเสื้ออื่นเขาไม่ได้ปลื้มกับรัฐบาล

ไม่ทราบเหรอครับว่า...
เศรษฐกิจกำลังแย่คนตกงานมาก

ไม่ทราบเหรอครับว่า...
ชาวพุทธกำลังคิดว่า ถูกรังแกอย่างหนัก

ผมเตือนให้เจ้าหน้าที่ได้สติ 
ผมไม่อยากเห็นความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองอีกแล้ว
ที่ผ่านมา เราบอบช้ำกันมามากแล้ว

อย่าให้ประเด็นใดๆ อาจเป็นเหตุให้ลุกลามใหญ่โต จนบ้านเมืองต้องย่อยยับอีกเลย ก็ถ้าหากเจ้าหน้าที่ยังคงดื้อดึงแล้วสุดท้ายบุกจับจนได้ แล้วอย่างไรครับ

ถ้าลูกศิษย์เขาเลิกสวดมนต์ในวัด พากันไปสวดมนต์ที่หน้าทำเนียบ หรือรัฐสภาละ จะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าลูกศิษย์เขาไปชุมนุมกันแล้ว เกิดมีการผสมโรงจากกลุ่มอื่นๆ อีกจะทำอย่างไรละ คิดว่าจะคุมอยู่เหรอครับ  แล้วที่สำคัญจะเดินเกมส์นี้ให้มันยุ่งยากทำไม บ้านเมืองยังบอบช้ำไม่พออีกเหรอ นี่ถึงขั้น จะเอาเป็นเอาตายกันเลยเหรอครับ 

การเพิ่มข้อหาอย่างต่อเนื่อง และวิธีการบุกจับ มันส่อให้คิดได้ว่า ท่านกำลังจะจับอาชญากรคนสำคัญระดับโลก หรือบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐอย่างร้ายแรง



ผู้ที่อยู่ภายในวัดธรรมกาย คือพระสงฆ์ ผู้ถือศีล 227 และชาวพุทธผู้เคร่งครัดในศีล 8 หรือ 5 (ผมไม่ทราบจริงๆ นอกจากพระแล้วชาวพุทธที่นั่นเขาถือศีลอะไร)  

แต่
ผมเห็นบุคคลเหล่านั้น  ถือศีล
ผมเห็นบุคคลเหล่านั้น  ปฏิบัติธรรม
ผมเห็นบุคคลเหล่านั้น  พากันสวดมนต์

และเพื่อนผมแต่ละคน 
ที่เข้าวัดธรรมกายอยู่ประจำ

เขากลายเป็นคน  ถือศีลอย่างเคร่งครัด
เขากลายเป็นคน  มีเมตตา
เขากลายเป็นคน  ใจบุญสุนทาน
เขากลายเป็นคน  พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลอื่นๆ ในภายนอก


**ที่สำคัญ... 
เขากลายเป็นแบบนี้เพราะหลวงพ่อของเขา 

ที่พวกเราพากันเรียกว่าท่านธัมมชโยนั่นแหละ และก็คือบุคคลคนเดียวกันที่เจ้าหน้าที่พากันจะมาจับเสมือนหนึ่งว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อรัฐอย่างร้ายแรง

บุคคลเหล่านี้คือ.. อาชญากรของประเทศเหรอครับ ??
บุคคลเหล่านี้คือ.. ภัยต่อความมั่นคงของรัฐเหรอครับ ??
บุคคลเหล่านี้คือ.. บุคคลที่น่ารังเกียจของประเทศนี้เหรอครับ ??

สำหรับผมแล้ว บุคคลเหล่านี้ที่ผมสัมผัสได้ แต่ละคน

เขาเป็นคนดี
เขาเป็นคนที่มีศีล
เขาเป็นคนที่พร้อมช่วยเหลือสังคม

แล้วรัฐไม่ต้องการบุคคลประเภทนี้เหรอครับ แล้วถ้าไม่ต้องการคนดีมีศีล  ท่านต้องการคนแบบไหนกันครับ ??



ตอนนี้มีแต่คนรุมทำลายพระพุทธศาสนา 

>>>ทางนี้ก็เตรียมการเข้าจับกุมท่านธัมมชโย เหมือนยกทัพไปจับอาชญากรคนสำคัญของโลก หรือคนที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐอย่างร้ายแรง

>>>ในสภาก็เตรียมแก้พรบ.คณะสงฆ์  โดยไม่สนใจว่าคณะสงฆ์จะรู้สึกอย่างไร 

>>>พระสงฆ์ทั่วประเทศก็โดนยัดข้อหากันมากมายทั่วประเทศชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

>>>ระดมด่าพระสงฆ์เช่น เรียนฟรี อยู่ฟรี เอาเปรียบสังคมบ้าง และอื่นๆ ต่างๆนานา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่มันกำลังเกิดพร้อมๆ กันนี้ หรือว่า

“ ไอ้โม่ง  
ต้องการเปลี่ยนให้คนไทย
หันไปนับถือศาสนาอื่น ”


We Are Buddhists
พวกเราคือชาวพุทธ

ผนึกกำลังชาวพุทธ หยุดภัยคุกคาม

นายกรณ์   มีดี
เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
นายกสมาคมทางสายกลาง
28 ธ.ค. 2559

https://www.facebook.com/Mr.Korn.Meedee/posts/719030494922709

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เมื่อนักข่าว ยังชื่นชมความสงบนิ่ง ของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย



เมื่อกี้ฟังวิทยุ100.5 
มีรายงานสดจากวัดเรา 
นักข่าวเริ่มชมพวกเราว่านิ่งมาก 
ถามอะไรก็ไม่ตอบ 
ได้แต่ทำหน้าเฉยๆ 
จนคนถามชักจะโกรธซะเองแล้วนะ

แล้วดีเจเคนโด้ก็เสริมว่า 
อันนี้จริง...
ไม่รู้วัดนี้สอนคนยังไง
ถึงได้นิ่งขนาดนี้ !!!
และทำได้เหมือนกันหมดทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน
ก็เหมือนกันโดนขนาดนี้
ก็ยังไม่โกรธเลย 
แถมชวนทำแต่บุญ 
ไม่เคยชวนทำอะไรเสียหายเลย
.............................................

โบราณเขาว่า"ดูช้างให้ดูที่หาง" ฉันใด อยากรู้ว่าอาจารย์เขาเป็นเช่นไร ก็ดูจากศิษย์ฉันนั้น

อยากรู้จริง ๆ หรือ !!!???
ความจริงก็คือ ศิษย์วัดพระธรรมกายเขาเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ใครทำเช่นไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น 

ทั้งหมดนี้เป็นการปลูกฝังคุณธรรมโดยเชื่อฟัง และเคารพในคำสั่งสอนของหลวงพ่อธัมมชโย ท่านมักจะสอนให้ลูกๆว่า

        "อย่าผูกเวร อย่าผูกโกรธ ให้เเผ่เมตตา อย่าไปคิดร้าย ให้แผ่เมตตา ทำใจใสๆ เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า ท่านสู้อย่างไรก็ให้สู้อย่างนั้น อย่าไปคิดร้าย อย่าไปทำร้าย เราจะชนะแน่นอน" 
...........................................

วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การนิ่ง สวดมนต์และแผ่เมตตาของศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย คือ ชัยชนะที่แท้จริง 



Cr. foreword mail

เปิดกลโกง !!? ตีข่าวธรรมกาย ที่แท้กลบข่าวแก้ไข้พ.ร.บ. แต่งตั้งพระสังฆราช



        สนช เตรียมแอบลักไก่ อีกรอบเรื่อง.... พ.ร.บ แต่งตั้งพระสังฆราช โดยการยกเลิกถือลำดับอาวุโส !!! 
             รายงานข่าวจาก สนช.แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.)จำนวนหนึ่ง นำโดย พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ได้รวบรวมรายชื่อสมาชิก สนช. เพื่อเสนอแก้ไข พรบ.คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติมปี 2535 ในมาตรา 7 

         โดยแก้ไขให้มีข้อความว่าให้เหลือใจความสำคัญคือ 

          “การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ให้เป็นพระราชอำนาจ” ส่วนเรื่องเงื่อนไขอื่นๆ คือ ลำดับอาวุโสโดยสมณศักดิ์ให้ตัดออก


อ่านข่าวต่อที่ : http://www.komchadluek.net/news/politic/253774

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คนบนโลกใบนี้เป็นโรคจิตแต่ไม่รู้ตัวเกือบ 95% อะไรบ้างที่บ่งบอกว่าเป็นโรคจิต ?


คนบนโลกใบนี้เป็นโรคจิตแต่ไม่รู้ตัวเกือบ 95% 
บางคนเป็นมาก บางคนเป็นน้อย 

แต่พวกเขาดูราวกับคนปกติ
จึงไม่มีใครนำเขาส่งเข้าไปบำบัดจิต 

แต่อย่าเพิ่งนึกว่าคนอีก 5% เป็นคนปกตินะคะ 
เพราะประมาณ 5% นี้ได้เข้าไปอยู่ในสถานบำบัดเรียบร้อยแล้ว

มีเพียงไม่ถึง 1% ที่ไม่มีอาการของโรคจิตแม้แต่น้อย 

ลองอ่านหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยที่คัดย่อมาให้ซิคะ แล้วจะรู้ว่าเราพบเห็นคนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ในชีวิตประจำวันมากแค่ไหน คนโรคจิตใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด

ถึงเวลาที่ต้องช่วยกันนำศีลธรรมเข้ามาเยียวยาจิตใจผู้คนแล้วละค่ะ ช่วยกันคนละไม้ละมือนะคะ ใครถนัดทางไหนช่วยทางนั้น 

แต่อย่าขัดกันเองเหมือนที่เห็นอยู่ในสังคมไทยเลยค่ะ มิฉะนั้น เราอยู่ไม่เป็นสุขแน่

...หลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยคนโรคจิต...

1. คนที่เป็นโรคจิตจะไม่ใส่ใจใคร มักละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ดื้อรั้น เหลวแหลก และเป็นอันตราย

2. บกพร่องในการปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่ดีงามของสังคม ในเรื่องการทำตามกฏหมาย จึงถูกจับกุมซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมทั้งชอบโกหก ลักขโมย และฉ้อโกง

3. หลอกลวงผู้อื่นอยู่เสมอ เพื่อผลประโยชน์และความพึงพอใจของตนเอง หยาบคาย ก้าวร้าว ลวงโลก บางคนก็โกหกซ้ำๆ หรือใช้หลายๆ ชื่อเพื่อหลอกคนอื่น และมักมีประวัติอาชญกรรมทางธุรกิจ

4. มีอารมณ์หุนหันพลันแล่นมาก และบกพร่องในการวางแผนล่วงหน้า

5.ฉุนเฉียวง่าย ก้าวร้าว มีปัญหาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันเป็นประจำ

6. ไม่ใส่ใจและไม่ยั้งคิดเรื่องความปลอดภัยของผู้อื่น ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

7. ไร้ความรับผิดชอบ มักบกพร่องในเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการเงิน

8. ไม่รู้จักสำนึกผิด หาเหตุผลให้ตนล่วงเกินผู้อื่นได้อย่างไม่ละอาย ไม่แยแสถ้าใครต้องเจ็บปวดเพราะตนเอง

สรุปจากเรื่อง "ราวกับปกติ" 
ในหนังสือ “ความจริงของจิตใจ” 
เขียนโดย..... เอเดรียน เฟิร์นแนห์ม 
แปลโดย..... สุริยา นภาพร

...


ผู้ที่เป็นโรคจิตคือ
ผู้ที่ปราศจากมโนสำนึก
ไม่สามารถเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ไม่รู้จักความสำนึกผิดหรือ
มีความจงรักภักดีกับใครได้
นอกจากตัวเอง
- พอล บาบิแอค และ โรเบิร์ต แอร์ –


#พฤติกรรมของคนโรคจิต
#สมัยนี้มีคนโรคจิตเยอะเกิน
#ถึงเวลาเยียวยาจิตใจคนด้วยศีลธรรมแล้ว
#อย่ารอช้ากว่านี้เลย
#มาช่วยกันเถอะ
#ข้อคิด #พัฒนาตนเอง #ความสุข 
#ชุลีพรช่วงรังษี #OhLifeStory  
ชุลีพร ช่วงรังษี
www.facebook.com/OhLifeStory

ทุกข้อความที่โพสต์ 
คิดไว้สอนตนเองเป็นหลัก 
มิได้มีเจตนาสั่งสอนคนอื่น 
แต่ถ้าใครอยากนำไปใช้บ้าง 
ก็ยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
======================
Cr. ชุลีพร  ช่วงรังษี

ระหว่างใบสั่งที่อยุติธรรมกับความยุติธรรมผู้ถือกฎหมายจะเลือกอะไร?


ระหว่างใบสั่งที่อยุติธรรมกับความยุติธรรมผู้ถือกฎหมายจะเลือกอะไร?

             วันพรุ่งนี้จันทร์ที่  26 ธันวาคม 2559 เวลา 10.30 น. ก็คงจะมีคำตอบสำหรับคำถามข้างต้น หากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ตอบได้ว่าพรุ่งนี้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย คือ พระวิเทศภาวนาจารย์ หรือเจ้าคุณสัมมา จะไปรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งจากพรายกระซิบว่า งานนี้ต้องมีลุ้น เพราะเป้าหมายของใบสั่งชัดเจนว่า ให้จับสึกพระเณรทั้งวัดแล้วปิดวัด

 ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นมาเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสเท่ากับว่าจะเป็นคนแรกที่จะถูกจับสึก
ในกรณีของพระวิเทศภาวนาจารย์ หากพิจารณากันให้ดีว่าท่านได้ผ่านการศึกษาทางโลกถึงระดับปริญญาโท เกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ยอมสละโลกเข้ามาเป็นทนายแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาบวชมาถึง ๓๒พรรษาและได้ไปทำหน้าที่เผยแผ่ในต่างประเทศจนสามารถขยายศูนย์สาขาไปหลายแห่งนับว่าท่านมีคุณูปการแก่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
ณ วันนี้ท่านเพิ่งมารับตำแหน่งเพียงแค่ ๑๗วัน แต่ต้องมารับคดีถึง ๑๓ คดี หากเป็นข้าราชการยังไม่ได้ทำอะไรเลยจะต้องมารับโทษคิดว่าสมควรแล้วหรือ? ทั้งในประเด็นของการให้ที่พักพิงแก่หลวงพ่อธัมมชโยซึ่งเป็นผู้มีพระคุณและเป็นเจ้าบ้านรวมทั้งเรื่องอาคารสถานที่ซึ่งมีการก่อสร้างมาก่อนที่ท่านจะรับตำแหน่ง
 อีกทั้งท่านเป็นฝ่ายเดินเข้าหาเจ้าพนักงานสอบสวนโดยไม่ได้มีพฤติกรรมว่าจะหลบหนีแต่อย่างใดรวมทั้งเจ้าคณะปกครองก็พร้อมจะรับรอง 
ก็คงต้องจับตาดูกันว่า ผู้ถือกฎหมายเลือกที่จะทำตามใบสั่งโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดแก่พระพุทธศาสนาที่ต้องสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่าหรือจะเลือกยึดเอาความยุติธรรมความถูกต้องเป็นหลัก
"จับตาดูให้ดี เกมนี้อย่ากระพริบตา"

เขียนโดย : อนาคาริก
12/25/16


                                                                      cr. http://www.winnews.tv/news/11646

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประวัติความเป็นมาสมศักดิ์พระสงฆ์ไทย

สมณศักดิ์ 



ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายความว่า ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทาน มีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกำหนด 

อาจกล่าวได้ว่า 

สมณศักดิ์ คือบรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบให้ดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ เพื่อเป็นกำลังสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และเพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปโดยเรียบร้อย 

เพราะการที่พระสงฆ์รูปใดได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ย่อมได้รับมอบหมายภาระหน้าที่ในการปกครองหมู่คณะแห่งสงฆ์ไปพร้อมกันด้วย


ความเป็นมาของสมณศักดิ์

ประเทศไทยนั้นระบบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ เริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยในรัชสมัยพระมหาธรรมราชลิไทย 
พระองค์ได้ทรงโปรดให้ราชบัณฑิตไปอาราธนาพระมหาสามีสังฆราชมาจากประเทศลังกา
เพื่อให้ประกาศพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในกรุงสุโขทัย 

พระมหาสามีสังฆราชคงจะได้ถวายพระพรให้พระมหาธรรมราชาลิไททรงตั้งสมณศักดิ์ถวายแด่พระสงฆ์ตามราชประเพณีที่ถือปฏิบัติในประเทศลังกา 

ระบบสมณศักดิ์ในสมัยสุโขทัยไม่สลับซับซ้อนเพราะมีเพียง 2 ระดับชั้นเท่านั้น คือ พระสังฆราชและพระครู พอมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาระบบสมณศักดิ์ได้รับการปรับให้มีระดับชั้นเพิ่มขึ้นเป็น 3 ระดับคือ สมเด็จพระสังฆราช พระสังฆราชคณะหรือพระราชาคณะและพระครู



ชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยในปัจจุบัน

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 1 พระองค์
สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูป
พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ 19 รูป
พระราชาคณะชั้นธรรม 35 รูป
พระราชาคณะชั้นเทพ 66 รูป
พระราชาคณะชั้นราช 144 รูป
พระราชาคณะชั้นสามัญ 394 รูป
พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี-โท-เอก-พิเศษ(ไม่จำกัดจำนวน)
พระครูฐานานุกรม ตั้งได้ตามจำนวนที่ปรากฏในสัญญาบัตรของพระราชาคณะ
พระครูประทวนสมณศักดิ์ (พระครูผู้อุปการะการศึกษา)(ไม่จำกัดจำนวน)

การพิจารณาแต่งตั้งสมณศักดิ์

ในอดีต
การพิจารณาแต่งตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์เป็นพระราชอำนาจและเป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ เมื่อทรงเห็นหรือทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า พระภิกษุรูปใดมีความรู้ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฏก มีศิลาจารวัตรน่าเลื่อมใส มีความสามารถในการปกครองหมู่คณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของประชาชนแล้วก็จะพระราชทานสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจ ในการจะได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป


ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 

เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายกอยู่นั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะโปรดพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์รูปใด ก็จะทรงปรึกษากับสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ก่อนทุกครั้ง ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทรงให้พระสงฆ์ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเสนอความคิดเห็นได้
ปัจจุบัน เป็นหน้าที่ทางคณะสงฆ์จะช่วยกันพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับขั้น คือ จากเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับแล้ว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้เสนอเรื่องเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานสมณศักดิ์ ตามระเบียบของทางราชการต่อไปแต่ในการพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นสูง เช่น สมเด็จพระสังฆราชหรือสมเด็จพระราชาคณะ ทางคณะสงฆ์ชอบที่จะถวายพระเกียรติแด่องค์พระมหากษัตริย์ด้วยการเสนอนามพระเถระที่เห็นสมควรขึ้นไปหลายรูปเพื่อให้ทรงพิจารณาตามพระราชอัธยาศัย เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเสมอมา เพราะพระราชอำนาจส่วนนี้เป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว



อ้างอิง
1. พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, 
วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
2. เวบไซต์ธรรมะ เกตเวย์
3. เวปพระไทยเน็ต



ที่มา : 
http://th.wikipedia.org/wiki/สมณศักดิ์ 



วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คดีหลักที่เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อธัมมชโยโดยตรง

มีคดีที่เกี่ยวพันกับหลวงพ่อและวัดพระธรรมกาย
โดยตรง 3 คดี คือ

คดีเกี่ยวกับสหกรณ์คลองจั่น
คดีที่ World Peace Valley
คดีที่สวนป่าหิมวันต์

1.คดีเกี่ยวกับสหกรณ์ฯคลองจั่น
            1.1 DSI กล่าวหาว่าหลวงพ่อสบคบกับคุณศุภชัยฟอกเงิน ผ่องถ่ายเงินออกจากสหกรณ์คลองจั่น มีความเห็นสั่งฟ้อง เรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอัยการ 

           1.2 คุณศุภชัยนำเช็คสหกรณ์คลองจั่น มาทำบุญกับหลวงพ่อและวัด รวม 1,055,560,000 บาท ซึ่งคณะศิษย์ได้ตั้งกองทุนเยียวยาเต็มจำนวนแล้ว สหกรณ์ฯได้มีหนังสือขอบคุณและไม่ติดใจทั้งคดีแพ่งและอาญา



           1.3 คุณศุภชัยจึงกล้าทำบุญกับที่ต่างๆ จำนวนมาก เพราะคิดว่าเมื่อได้เงินจากการลงทุนคืนมานับแสนล้านก็จะนำมาชดใช้เงินที่นำออกจากสหกรณ์ได้โดยง่าย
     
           1.4 หลวงพ่อรับบริจาคอย่างเปิดเผยเป็นเช็ค ซึ่งตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด คนจะสมคบกันทำความผิดไม่มีใครรับเงินมาด้วยวิธีการนี้แน่นอน ต้องพยายามปกปิดเส้นทางการเงิน เพื่อไม่ให้ความผิดถึงตัว และมีปปง. มาตรวจสอบแล้ว



          1.5 เงินบริจาคทั้งหมด หลวงพ่อไม่เคยถอนออกมาเป็นเงินสดเลยแม้แต่บาทเดียว แต่บริจาคให้วัด มูลนิธิท้้งหมด เพื่อก่อสร้างศาสนสถาน ไม่มีการผ่องถ่ายคืนไปให้นายศุภชัยเลย จึงไม่เป็นการฟอกเงิน ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด

           1.6 ขอให้ทาง DSI หาทางสืบสวน หาความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในคดีสหกรณ์คลองจั่น และหาทางนำทรัพย์มาคืนแก่สหกรณ์ให้ได้  โดยเฉพาะ ทำไมไม่ไปตามเงินอีก 92% ที่เหลือ ขอให้ทาง DSI เร่งหาเงินที่เหลืออยู่ไม่ใช่มาเร่งรัดเอากับวัด เพื่อนำทรัพย์มาคืนแก่สมาชิกสหกรณ์ให้ได้




 2 คดีที่เวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ 
          พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ท่านเป็นประธาน มูลนิธิตะวันธรรม ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และมีผู้ดูแลรายละเอียดแทนอยู่แล้ว ที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง เพียงแต่การก่อสร้างบางส่วนอยู่ในที่นิคม ซึ่งเป็นของประชาชนที่นั้น ที่อนุญาตมูลนิธิคุณยายอาจารย์ฯ ใช้พื้นที่ก่อสร้างอาคารได้  อาคารที่สร้าง เป็นอาคารที่ใช้ปฏิบัติธรรม ไม่ใชเพื่อการค้าหากำไรแต่อย่างใด 


          ที่สำคัญ !!! คือ คนแปรภาพถ่ายทางอากาศ (ที่มาประกอบการกล่าวหาที่เวิลด์พีซนั้น) ไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะทำความผิดร้ายแรง จากการทำข้อมูลเท็จแปรภาพถ่ายผิดจากความจริง เอาที่ป่าไม่ไปให้เอกชนโดยมิชอบทำให้รัฐเสียหาย

อ่านเพิ่มเติมhttp://myalphabet2016.blogspot.com/2016/11/blog-post_10.html


          2.1 ตำรวจป่าไม้ ตั้งข้อหามูลนิธิตะวันธรรม และมูลนิธิคุณยาย
                    1 บุกรุงแผ้วทางป่า
                    2 สร้างสิ่งปลูกสร้างปิดกั้นลำรางสาธารณะ

         2.2 การตั้งข้อหาของตำรวจป่าไม้ อ้างอิงความเห็นของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เชียวชาญการวิเคราะห์แผนที่ทางอากาศ ซึ่งถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปีที่แล้ว และศาลไม่ต่ออายุให้เป็นผู้เชี่ยวชาญฯของศาลแล้ว


  
อ่านข่าวต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/359023
         
          2.3 ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์แผนที่ทางอากาศของศาลตัวจริง ตรวจสอบแล้วพบว่า 
                 2.3.1 ไม่มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างทับลำรางสาธารณะ
                 2.3.2 แผนที่ทางทหารปี 2518 พื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ป่า แต่เป็นที่ทำกินหมดแล้ว จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกแผ้วถางป่า



3. คดีที่สวนป่าหิมวันต์
           3.1 ตำรวจป่าไม้ ตั้งข้อหาและออกหมายจับหลวงพ่อในฐานะเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า บุกรุกป่า พื้นที่ 52 ไร่


           3.2 พื้นที่ 52 ไร่ดังกล่าวไม่ใช่ของวัดพระธรรมกาย เป็นของชาวบ้านและเขามีใบจับจองทำกินถูกตต้อง


            3.3 หมายจับยังคงอยู่ เขาพยายามจะสั่งฟ้อง ส่งอัยการให้สั่งฟ้องไปพิสูจน์ในศาล

  สถานการณ์ปัจจุบัน  
          
           1.คดีที่ 27/2559 เรื่องสหกรณ์คลองจั่น อัยการมีความเห็นว่า “ เห็นควรสั่งฟ้อง” คือ สั่งโดยดูจากพยานหลักฐานของ DSI ฝ่ายเดียว แต่เมื่อได้สอบสวนผู้ต้องหาได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมครบถ้วนทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว จะพิจารณาสั่งอีกครั้งว่าจะสั่งฟ้องส่งศาลหรือไม่




อ่านข่าวต่อได้ที่ : http://thaipublica.org/2016/11/credit-unions-klongchan-109/
          
             2.คดีที่ภูเรือ กับ เวิลด์พีซ เขาได้ออกหมายจับทั้ง  2  แห่ง แต่เรื่องยังอยู่ในขั้นพนักงานสอบสวน ยังไม่ถึงอัยการ

           3. จากที่มีคณะศิษยานุศิษย์ในสหรัฐอเมริกา และทั่วโลกหลายแสนคนได้ลงชื่อร่วมกันยื่น เรื่องถึงกระทรวงต่างประเทศ 
สหรัฐอเมริกา ขอความเป็นธรรม  ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนทางศาสนา กรณีพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แจ้งมาว่า ได้ประสานกับสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด  และจะส่งเสริมเสรีภาพทางศาสนา   และการเคารพสิทธิมนุษยชนของทุกคน

           “ The Department of State is monitoring the case.  They understand that the Abbot is currently in discussions with Thai authorities on the charges.  The State Department and the American Embassy in Bangkok will continue to promote religious freedom throughout Thailand and emphasize the importance of respecting the human rights of all persons.  They will continue to follow developments on this case. Thank you for reaching out to our office ”
            4.ตัวอย่างจากครั้งพุทธกาล
         กว่าจะปักหลักพระพุทธศาสนาได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงพบอุปสรรคภัยพาลมากมาย  บางครั้งก็มาจากอดีตคนใกล้ตัว เช่น กรณีพระเทวทัต


          พระเทวทัตเป็นพี่ชายของพระนางพิมพา สละตำแหน่งรัชทายาท ออกบวชด้วยศรัทธา  แต่ได้เพียงโลกียฌานสมาบัติ  ยังไม่บรรลุธรรม ผ่านไป 36 พรรษา เห็นใครๆ มาวัดก็ถามหาแต่พระสารี พระโมคคัลลานะ พระอานนท์ ฯลฯ ไม่มีใครถามหาตน จึงน้อยใจว่าพระพุทธเจ้าไม่สนับสนุน สุดท้ายเกิดมิจฉาทิฐิครอบงำ วางแผนร้าย ทำลายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยอาศัยอำนาจรัฐจากพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นเครื่องมือ

            -ส่งเหล่ามือสังหารจะมาลอบทำร้ายพระพุทธเจ้า
            -กลิ้งก้อนหินจากบนเขา จะให้ทับพระพุทธเจ้า
            -ปล่อยช้างนาฬาคิรี จะให้แทงพระพุทธเจ้า



         เมื่อไม่สำเร็จ ชาวเมืองโจษจันตำหนิมาก พระเจ้าอชาตศรัตรูจึงถอย ไม่อุปัฏฐากพระเทวทัตอีก 

         พระเทวทัตทูลขอวัตถุ 5 ประการให้พระภิกษุถือปฏิบัติตลอดชีวิต (อยู่ป่า,เที่ยวบิณฑบาต, ทรงผ้าบังสุกุล, อยู่โคนไม้, ฉันมังสวิรัติ)
เมื่อพระพุทธเจ้าไม่อนุญาต ก็ประกาศว่าตนเคร่่งกว่าพระพุทธเจ้า หลอกพระบวชใหม่หลงเชื่อตามไป 500 รูป พระพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรและพระโมลคัลลานะไปตามภิกษุเหล่านั้นกลับมา พระโกกาลิกะ สมุนขวามือของพระเทวทัต โกรธเอาเข่ากะแทกอกพระเทวทัตจนกระอักเลือด

พระเทวทัตป่วยอยู่ 9 เดือน ให้คนหามมาพระเชตวันต้องการกราบพระพุทธเจ้า สุดท้ายถูกธรณีสูบที่ริมสระโบกขรณีใกล้พระเชตวัน สำนึกผิด เอากระดูกคางบูชาพระพุทธเจ้าไปเกิดในอเวจีมหานรก






สรีระสูง  100 โยชน์เกิดในก้นอเวจี ศรีษะสอดเข้าไปสู่แผ่นเหล็กร้อนแดงจนถึงหมวกหู  เท้าทั้งสองจมลงในแผ่นดินเหล็กร้อนแดงจนถึงข้อเท้า หลาวเหล็กขนาดเท่าลำตาล  แทงจากกลางหลังทะลุหน้าอก  อีกต้นแทงจากสีข้างขวาทะลุออกสีข้างซ้าย  อีกต้นแทงจากกลางกระหม่อมทะลุเบื้องล่าง 


          เทวทัตรับกรรมทุกข์ทรมานอย่างนี้อยู่ถึง 1 อันตรกัป ยาวนานจนนับเป็นปีไม่ได้ ด้วยกรรมที่ล่วงเกินบุคคลผู้มีคุณธรรมสูงยิ่ง 

       “ ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง บาปส่งผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น ”
                                                                                        พุทธพจน์

เห็นบางคนออกมาให้สัมภาษณ์รังแกพระอย่างสนุกสนาน คะนองในอำนาจของตน รู้สึกหวาดเสียวแทน ผลแห่งกรรมที่เขาจะได้รับน่ากลัวนัก


บารมีระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ ยังพบอุปสรรคภัยพาลมากมาย   กว่าจะปักหลักพระพุทธศาสนาให้มั่นคง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่การสร้างบารมีจะมีอุปสรรค ขอให้ทุกคนอดทน อยู่ในบุญ  ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในการสร้างบารมี   สุดท้ายทุกอย่างจะผ่านไป