The power of double-speak
พลิกคำเปลี่ยนความหมาย
ด้วยอานุภาพคำพูด
ถ้อยคำบางคำเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็มักทำให้ตัวเองดูดี ซึ่งไม่ได้มีแต่ในปัจจุบัน แต่มีมาตั้งแต่ในยุคกรีกแล้วนะคะ
Euphemisms have been used since ancient times to avoid giving offense,but now politicians are using them to hide the realities of war.
Deferred success, person who is hearing-impaired -are these phrases in any current dictionary? Where did they originate? Does anyone actually use them? While our media are frequently charged with dumbing down and our teenagers with being inarticulate, and perhaps both accusations have merit, some of our leaders are busy creating a whole new vocabulary.
Listen to political speeches these days and you'll find yourself having to spontaneously translate newly-combined words from your own language. It could be the Minister for Education finding reasons why our children are now leaving school without having mastered simple arithmetic (they're motivationally-challenged),
or someone from the Department of Transportation explaining why the differently-abled are still denied access to numerous subway lines. All politicians seem to be semi-fluent in double-speak.
นักการเมืองมักมีคำพูดที่ดูดี ไม่ได้มีแต่ในปัจจุบันนะคะ เป็นมานานมากแล้วค่ะ |
ก็บอกแล้วไงว่าน้ำไม่ได้ท่วม |
The ancient Greeks used euphemisms for certain religious words so they did not offend the gods. Native English speakers in previous centuries used euphemisms mainly to avoid giving offense to each other.
สรุปว่า ชาวกรีกเลือกใช้คำพูดที่สละสลวย เพราะความรักที่มีเพื่อนมนุษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้พระเจ้า หรือผู้ฟังรู้สึกขุ่นเคือง หรือไม่พอใจ
Better to say
"I have to visit the rest room"
than directly announcing your intention
to use the toitet.
"He passed away yesterday"
is a little more sensitive than
"Tom just died".
As we know, language evolves with the times and trends. So now we have the rather modern
"She's rather full figured",
which is certainly kinder than
"She's so fat"!
Even more recently.
But in the 21st century,the use of euphemism or double-speak is also being exploited for far more sinister purposes. If you don't believe this, listen hard to what our military leaders are really telling us and read between the lines of the next"factual" report on any country afflicted by war.
ยุคนี้ต่างกันตรงที ใช้ Euphemism เพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี |
Even if you deplore their policies, you have to agree that our military leaders are smart. Once you dehumanize the enemy, it is far easier to drop your bombs and mask the horror of war. Your own civilians reading the paper or listening to their leaders on the evening news are less likely to protest or comprehend the claim that "An attack on soft targets is the only way to destroy the terrorists hiding among them" than the admission that "We also had to kill innocent men, women. and children who lived in the town. "We are now so used to double-speak that we are in danger of becoming truly desensitized. We hear about military campaigns and the statistics of death, but the actual gruesome details are quite remote. Our politicians and our generals know that if we actually saw what is left after a bomb has dropped and witnessed the grief of the survivors, we might demand an end to the fighting
"มันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว" ตัวอย่างคำพูด Euphemisms |
อีกตัวอย่างที่คำพูดที่ดูดี เพื่อต้องการบิดเบือนความจริง |
The greatest hypocrisy, of course, is the use of language to glorify or justify the actions of your army and then to denounce the exact same actions when carried out by the opposing army. A military report that announces "Our soldiers were forced to take cover" is factually no different from the statement that "Their soldiers ran away and disappeared," but the later sounds far more cowardly. And, of course, when the government supports the actions of a rebel group that it believes could serve as a potentially useful ally, the rebels are more likely to be called "freedom fighters." This labels instantly creates an image of bravery and selflessness. As soon as the government decides that the group might not be a useful ally after all, its members become 'terrorists" ; in other words, evil and inhumane. whether you realize it or not, your opinions are being made for you by the words that someone else chooses to say or write.
When I was child, I used to believe that war was about good versus evil, and it was easy to know whose side you should be on. Now when I hear of another case of young soldiers being killed by "friendly fire," I almost wish I was still that naive.
สรุป เรื่องราวคำพูดที่เรียกว่า Double-speak หรือที่น่าจะแปลเป็นภาษาไทยว่า กระบวนการสร้างวาทกรรม มีมานานมากตั้งแต่ยุคโบราณ แม้ปัจจุบันก็ดำรงอยู่ เนื้อหาในภาษาอังกฤษที่ยกมาข้างต้น ลองอ่านและแปลกันดูนะคะ จะได้เนื้อความที่สมบูรณ์ค่ะ
vocabulary
Double-speak ; เป็นชนิดของภาษาที่ใช้ประชด euphemisms และเงื่อนไขที่ชัดเจนในการปลอมตัว หรือบิดเบือนความหมายที่แท้จริงของการสนทนา
Euphemisms ; คำที่สละสลวย
Dumbing down ; ใบ้กิน
Being inarticulate ; พูดไม่ออก
Sinister ; เป็นลางร้าย
Hypocrisy ; การเสแสร้ง
Glorify ; เชิดชู
Selflessness ; เห็นแก่ตัว
Ally ; พันธมิตร
Friendly fire ; ลูกหลง
พลิกคำเปลี่ยนความหมาย ด้วยอานุภาพคำพูด
4/
5
Oleh
ICHICO
48 ความคิดเห็น
Tulis ความคิดเห็นโลกจะดี เพราะคำพูดดีๆ ให้กำลังใจกันครับ สาธุๆ
Replyช่วยกันปกป้องศาสนาดีกว่า
Replyช่วยกันปกป้องศาสนาดีกว่า
Replyใกล้จะถึงเวลาฟ้าหลังฝน
Replyใกล้จะพ้นพาลภัยใส่ความให้
ใกล้ถึงคราว่าความเป็นเช่นไร
ใกล้คงได้พิสูจน์พูดความจริง
ใกล้จะถึงเวลาที่ฟ้าเปิด
ใกล้จะเกิดเปิดเผยเรื่องทุกสิ่ง
ใกล้จะถึงเวลาพวกพาดพิง
ใกล้จะยิ่งมั่นใจได้รู้กัน
ใกล้จะถึงเวลาฟ้าสดใส
ใกล้จะได้รวมใจที่สานฝัน
ใกล้จะหมดเวลาที่ฝ่าฟัน
ใกล้สุขสันต์ทั่วหน้าทั้งปฐพี...
สาธุครับ ดีมากเลยครับ
Replyมาสร้างโลกนี้ให้เป็นโลกแก้ว ให้เป็นโลกแห่งสันติสุขกัน
Replyมันคือความหมายหนึ่งของคำว่าสร้างภาพหรือเปล่า
Replyคำพูดจะเป็นแบบไหน เมื่อฟังแล้วใจใส อยากทำความดี ก็น่าจะได้แล้วหละค่ะ
Replyจะสร้างศัตรูให้เป็นมิตรได้นั้นคำสัตย์และคำจริงเท่านั้น จะสร้างมิตรให้เป็นศัตรูก็คำหยาบคำเท็จเท่านั้นจริงๆ
Replyเห็นด้วยความ คำพูดดีสร้างคน สร้างโลก
Replyกำลังใจสร้างยาก แต่ทำลายง่ายด้วยคำพูด พูดให้กำลังใจกันค่ะ
Replyคิดทำแต่ดี นำธรรมสู่สังคมโลก
Replyสาธุ
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย สุภาษิตโยราณ
Replyเฮ้ออออออออ
Replyพูดดีเป็นศรีแก่ปาก
Replyพูดดีเป็นศรีแก่ปาก
Replyขอบคุณครับคงต้องระวังคำพูดให้มากขึ้นก่อนจะพูดกับใคร
Replyถ้าจะให้ปลอดภัยจากวิบากกรรม ก็พูดแต่คำสัตย์ ดีที่สุด
Replyทำแต่สิ่งดีๆๆครับ
Replyรักษาศีลข้อ 4 ไม่ให้พร่อง นั่นคือ คำพูดที่ควรนำมาใช้ เพราะคำพูดที่อยู่ในศีล เป็นความจริงและดีเสมอ สาธุๆๆค่ะ
Replyพูดเพราะ เป็นความจริง และเป็นประโยชน์ พูดอย่างนี้สิได้ใจ
Replyพูดเพราะ เป็นความจริง และเป็นประโยชน์ พูดอย่างนี้สิได้ใจ
Replyให้สร้างผลงานอย่าเน้นแก้ตัว
Replyให้เริ่มจากตัวเราที่คิดดีก่อน แล้วพูดสิ่งดีๆต่อไป
Replyพูดสร้างภาพให้ตัวเองดูดึ..ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา...แต่มันจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมากกว่า
Replyเขาพิสูจน์กันที่ผลงาน ดีแต่พูดอย่างเดียวไม่ได้
Replyคำพูดที่สละสลวยกับอาการแถนี่ใกล้กันมากนะคะ คนฟังต้องหัดพิจารณานะคะ
Replyเพราะคำพูดดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
Reply#คนเราอย่าดีแต่พูด.....แต่ควรพูดแต่สิ่งดีๆและเป็นคำจริง#
Replyธรรมะย่อมชนะอธรรม
Replyธรรมะย่อมชนะอธรรม
Replyคำพูดที่ออกจากปากมี่ผลทั้งบุญและบาป
Replyธรรมะย่อมชนะอธรรม เรื่องจริง
Replyแบบว่าหาเรื่องทำถูให้เป็นผิด
Replyฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ
Replyเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น
Replyความดีย่อมชนะความชั่วเสมอ
"คำพูด และการกระทำ" ต้องสอดคล้องไปด้วยกันเพราะด้วยเจตนาบริสุทธิ์ พูดอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ทำอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีงามให้แก่ชาวโลก แม้เป็นบุคคลที่ได้ยากยิ่งในโลก แต่ก็มีอยู่ในโลกปัจจุบัน ลองค้นหาดูซิฯ
Replyการพูดให้ร้ายผู้อื่นเป็นบาป
Replyเรื่อไม่แนใจ ให้ระวังคำพูด
เรื่องยังไม่เกิด อย่าเพิ่งพูด
เรื่องทำไม่ได้ อย่าดีแต่พูด
เรื่องให้ร้ายคน อย่าไปพูด
พุทธมาสภิกขุ
พูดดีทําดี ดีกว่านะค่ะ เราอยู่โลกเดียวกัน
Replyมหัศจรรย์ตริงๆ
Replyพูดดีทําดี ดีกว่านะค่ะ เราอยู่โลกเดียวกัน
Replyดีมากเลยค่ะ
Replyชาวโลกรักษาศีล5ใหัครบทุกวันนั่งสมาธิทุกวันโลกใบนี้จะเกิดแต่สันติสุขคะ
Replyมีหลักวิชชาง่ายๆก็คือ พูดดี ทำดี คิดดี เกิดเป็นบุญ นึกถึงแล้วปลื้มใจถึงวันละโลก ไปสวรรค์ แต่ถ้าพูดเท็จ ทำชั่ว คิดชั่ว เกิดเป็นบาป นึกถึงแล้ว หดหู่ เศร้าหมอง ไปอบายเอย.
Replyวาทกรรมชั่วร้าย ก็มีวิบากกรรมชั่วร้ายติดไปด้วย
Replyโอวาท_พระเทพญาณมหามุนีให้เราสู้ด้วยการสั่งสมบุญให้มากกกกกยิ่งๆๆขึ้นไปแล้วเราก็จะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะกราบอนุโมทนาบุญหลวงพ่อค่ะ
Replyเมื่อได้พูดดีแล้ว ต้องทำดีด้วย จึงจะสมบูรณ์
Replyเมื่อได้พูดดีแล้ว ต้องทำดีด้วย จึงจะสมบูรณ์
Reply