วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

นี่ล่ะวาทะกรรม !!!! "ไม่ผิดแล้วจะกลัวอะไร" อ่านแล้วคุณจะรู้จักกระบวนการยุติธรรมบ้านเราดีพอ

ติดคุกฟรีๆ เจ้าหน้าที่และเพื่อนๆ บอกว่า ถ้าเสียเงินให้ตำรวจแต่แรก เรื่องก็จะจบเร็วกว่านี้

  ทำไมไม่เลือกที่จะจ่ายมันจะได้จบๆ  






นี่ล่ะวาทะกรรม !!!!
"ไม่ผิดแล้วจะกลัวอะไร" 
"ไม่ผิดทำไมต้องกลัว" 
"ไม่ผิด ทำไมไม่พิสูจน์" 

      " ใครที่คิด แบบนี้พูดแบบนี้แสดงว่าไม่รู้จักกระบวนการยุติธรรมบ้านเราดีพอ แค่พูดเอามันส์ เคสนี้ไม่ใช่เคสแรก และเคสเดียวที่ติดคุกฟรีๆ ประเทศนี้มีแพะ ปีล่ะมีรู้กี่คน ที่ต้องสูญเสียอิสระ สูญเสียโอกาส และมันยากที่จะเรียกกลับมา "


                                                                       -โก๋หลังวัด-



-----------------------
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :
ชีวิตพัง ! ครูวัย 54 ปี ตกเป็นแพะติดคุก 1 ปีกว่า เพราะตำรวจจำทะเบียนรถคลาดเคลื่อน คดี ขับรถชนคนตาย

12 ม.ค. 60 ครบรอบ 38 ปี วัดพระธรรมกายได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา

  ครบรอบ 38 ปี 
 วัดพระธรรมกายได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา 



วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 

ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ (๒) ปีระกา


"วัดพระธรรมกาย" 
ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดโดยสมบูรณ์

ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2522
ตรงกับ วันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีมะเมีย

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 96 ตอนที่ 15
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522
 Cr. เพจโก๋หลังวัด
---------------------------------------
    มูลนิธิธรรมกาย จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๓ เดิมใช้ชื่อว่า มูลนิธิธรรมประสิทธิ์ โดยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ณ กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๓ เมื่อสร้างวัดพระธรรมกายเสร็จได้ขอแก้ไขเอกสาร เปลี่ยนชื่อเป็น “มูลนิธิพระธรรมกาย” เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๕ ณ ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี และเพื่อไม่ให้สับสนกับชื่อวัด จึงจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อจาก "มูลนิธิพระธรรมกาย" เป็น “มูลนิธิธรรมกาย” โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ตามหนังสือที่ ศธ ๑๓๐๔/๖๐๘๘ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๘

อ้างอิง
วัดพระธรรมกาย จากวันวารถึงวันนี้

ประวัติความเป็น
https://goo.gl/iw3RfJ

ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
https://goo.gl/Vu0rJ9

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

หนังสือพิมพ์ประจำเมืองบูโรส Borås Tidning บูโรส ทิดนิ่ง ลงข่าววัดพระธรรมกายบูโรส ประเทศสวีเดน




เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม2560 ที่ผ่านมานี้ นักข่าวหนังสือพิมพ์ประจำเมืองบูโรส ชื่อ Borås Tidning(บูโรส ทิดนิ่ง) ได้มาสัมภาษณ์พระอาจารย์วิชัย ปุณฺณธมฺโม พระอาจารย์สอนสมาธิภาวนาที่วัดพระธรรมกายบูโรส รวมทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เข้าคอร์สปฏิบัติธรรมที่วัด 

จากการที่ได้ทราบว่าทางวัดพระธรรมกายบูโรสได้จัดให้มีคอร์สปฏิบัติธรรมแบบ 1 วัน ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า 1 Day Mindfulness Meditation Retreat ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง และจะมีการจัดคอร์สแบบนี้อีกในอนาคตอีกจำนวนมาก ทางหนังสือพิมพ์จึงได้มาสัมภาษณ์พระอาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่วัด

       “ความเครียดที่เกิดขึ้นกับผู้คนในสังคม จากหน้าที่การงานต่างๆ ทำให้บุคคลทั้งหลายได้แสวงหาความสงบสุขของใจจากการเจริญสมาธิภาวนามากขึ้น” 

พระอาจารย์ปุณฺณธมฺโม กล่าวกับนักข่าว โปรแกรมสมาธิในครั้งนี้เป็นโปรแกรมของการมาฝึกสติและความสบายจากการเจริญสมาธิภาวนาทั้งวันในโครงการที่ชื่อว่า1-Day Mindfulness Meditation Retreat



พระอาจารย์ท่านกล่าวว่า....สมาธิเป็นวิธีที่จะก่อให้เกิดการผ่อนคลายของร่างกายและจิตใจในระดับสูงควบคู่กับการประคับประคองสติไปด้วยพร้อมๆกัน นอกจากนั้นก็เป็นความฝึกทำจิตใจให้ว่างเปล่าจากความคิดทั้งหลาย....

ว่าไปแล้วการที่จะให้บุคคลทั่วไปมาอย่างนั้นทันทีก็เป็นการยาก เราจึงต้องให้บุคคลเหล่านั้นได้กำหนดจิตของตนไว้กับบริกรรมนิมิตเป็นภาพในใจ หรือบริกรรมภาวนาก่อนในเบื้องต้นก่อนที่จะสามารถรักษาใจไว้ภายในได้อย่างแท้จริงต่อไป ในการเจริญสมาธิภาวนานั้นจะต้องเริ่มต้นให้ถูกหลักวิธี ซึ่งแนวทางปฏิบัติของทางวัดเป็นแนวทางที่ค่อนข้างไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร  

เมื่อนักข่าวถามว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติเริ่มเห็นผลของการปฏิบัติ ? ท่านกล่าวว่าผลจะเร็วหรือช้าค่อนข้างจะมีความแตกต่างจากบุคคลต่างๆกัน บางคนมีจิตใจที่สงบเป็นปรกติอยู่แล้ว ก็จะได้ผลเร็วหน่อย แต่สำหรับบางคนที่มีจิตใจฟุ้งซ่านมากก็อาจจะใช้เวลานานกว่า แต่ปรกติแล้วท่านบอกว่าบางคนใช้เวลาสามวันก็เริ่มเห็นผล แต่อีกหลายๆคนก็ต้องใช้เวลามากกว่า ท่านแนะนำว่าเวลามาตรฐานของคอร์สควรจะเป็น 7 วัน

เมื่อนักข่าวกล่าวว่าเคยมีผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าสมาธิอาจจะก่อให้เกิดปัญหากับจิตใจของคนบางคนในแง่ลบได้ ท่านตอบว่าปรกติแล้วการฝึกสมาธิภาวนาแบบนี้เหมาะสำหรับบุคคลที่จิตใจในระดับปรกติเท่านั้น แต่บุคคลที่มีปัญหาการเจ็บป่วยทางจิตใจก็ยังไม่ควรที่จะมาฝึกสมาธิแบบนี้ทันที แต่ควรที่จะให้ได้มีการผ่อนคลายจิตใจด้วยวิธีการอื่นๆก่อนเช่นการออกกำลังกาย การทำโยคะ การฟังเพลงบรรเลงแบบสบายๆที่ทำให้ใจสงบ 

สมัยก่อนบางครั้งบางทีมีการแนะนำให้บุคคลที่กำลังเศร้าโศกมากๆ เช่นจากการสูญเสียคนรักไปทำสมาธิกับพระภิกษุสงฆ์ที่วัด แต่ก็ทำให้เกิดผลเสียต่อจิตใจของบุคคลเหล่านั้นมากขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วควรให้บุคคลดังกล่าวไปทำกิจกรรมบุญอย่างอื่นให้ใจเริ่มสงบบ้างก่อนเช่นการทำบุญตักบาตร การถวายอาหารพระ การออกกำลังกาย เป็นต้น แต่ไม่ควรให้หลับตาทำสมาธิภาวนาทันทีในตอนนั้นอันจะทำให้จิตใจสับสนและฟุ้งซ่านมากขึ้น การเจริญสมาธิภาวนาควรจะใช้กับบุคคลที่มีจิตในอยู่ระดับปกติก่อนเท่านั้น



พระอาจารย์เล่าว่าท่านเองเริ่มฝึกสมาธิตั้งแต่ช่วงที่อยู่ชั้นมัธยมปลายในปี 1969 โดยได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนของท่านคนหนึ่งที่เป็นผู้ที่มีสมาธิดีมาก สามารถที่จะนั่งอ่านหนังสือนิ่งๆเป็นเวลานานๆเป็นชั่วโมงๆได้แม้จะมีเสียงรบกวนจากการเล่นของเพื่อนๆรอบๆตัวก็ตาม แต่เขาก็สามารถที่จะมิใจจรดจ่อกับการอ่านหนังสือได้นานๆโดยไม่ถูกรบกวน และเป็นผู้ที่มีความจำดีด้วย เมื่อได้คุยกันก็ทราบว่าเพื่อนได้ฝึกสมาธิมาก่อนจากการอ่านหนังสือ ท่านจึงอยากจะฝึกสมาธิบ้าง โชคดีที่ได้อาจารย์ประจำชั้นที่โรงเรียนสมัยนั้นพาไปวัดปากน้ำจนได้ไปเจอพระอาจารย์ของท่านและคุณยายแม่ชีจันทร์ ขนนกยูงตั้งแต่สมัยนั้น 

พระอาจารย์ปุณฺณธมฺโม บวชมาแล้ว 20 พรรษา ปัจจุบันนี้ท่านเดินทางไปจัดคอร์สมาธิในหลายๆประเทศ หลังจากสุดสัปดาห์นี้แล้ว ท่านก็จะเดินทางไปเมืองดูไบ ประเทศสาธารณรัฐเอมิเรตส์ เพื่อไปจัดคอร์สสมาธิที่เมืองอาบูดาบี แต่ท่านก็จะกลับมาที่วัดพระธรรมกายบูโรสเพื่อมาจัดคอร์สสมาธิที่นี่อีกหลายๆครั้งในโอกาสต่อไป และปัจจุบันนี้ทางวัดก็เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถมาเรียนสมาธิกับทางวัดได้ทุกวันอังคารและวันศุกร์ตอนค่ำ 

ท่านกล่าวว่าทุกวันนี้มีผู้สนใจการทำสมาธิภาวนามากขึ้นตลอดเวลา 
บุคคลต่างๆได้ทราบถึงคุณประโยชน์ของการทำสมาธิมากขึ้น นายแพทย์ต่างๆก็แนะนำให้ผู้ป่วยใช้การทำสมาธิในการบำบัดโรคหลายๆอย่าง 

โรงเรียนต่างๆก็มีการใช้สมาธิเพื่อพัฒนาการเรียนของเด็กวัยรุ่นส่วนหนึ่งที่มีผลการเรียนไม่ค่อยดี และชอบก่อความไม่สงบในโรงเรียน จนสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเด็กเหล่านั้นได้อย่างดี

นักข่าวได้สัมภาษณ์ผู้เข้าคอร์สปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งชื่อ แอนเนต ทอเรสซ่อน ที่มาร่วมปฏิบัติธรรมในวันเสาร์ที่ 7 มกราคมที่ผ่านมานี้ด้วย เธอกล่าวว่าเธอเองทำงานด้านบำบัดจิตใจแก่ผู้ป่วย (Physiotherapist) การมาเข้าคอร์สสมาธิในครั้งนี้ของเธอทำให้เธอได้สัมผัสได้ถึงการรับรู้ที่มากขึ้นในร่างกาย ไม่ว่าการทำโยคะก็ดี หรือการทำสมาธิก็ดี มันเป็นการดีอย่างมากทีเดียวที่ได้มาฝึกจิตใจให้สามารถโฟกัสได้ดีรวมทั้งการทำใจหยุดนิ่ง เธอกล่าวว่าเธอใช้สมาธิในการทำให้จิตใจผู้ป่วยสงบและฟื้นตัวได้เร็วมาตลอด การได้มีเวลาและโอกาสมาสู่สถานที่ที่มีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมอันสุดจะแสนวิเศษที่นี่ในครั้งนี้ของเธอเป็นสิ่งที่เธอมีความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง เธอ



Cr.Vichai  Punna

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2560

สังคมไทยต้องพึ่งพุทธศาสนา


#สังคมไทยต้องพึ่งพุทธศาสนา เห็นข่าวแล้วมันหดหู่หัวใจ ทำไมคนมันโหดร้ายฆ่าแกงกันได้ง่ายดายขึ้นทุกวัน 

#บางคนบอกว่า " ไม่ต้องเข้าวัด ไม่ต้องมีใครมาบอก ก็สอนตัวเองได้ " นั่นมันพวกคุณไง กว่าจะรู้ถูกรู้ผิดได้ คุณทำอะไรกันมาบ้างแล้วล่ะ 

#แล้วคนที่เขาสอนตัวเองไม่ได้แบบพวกคุณล่ะคุณคิดว่ามีอีกเยอะไหม ลูกเต้าเค้าโตขึ้นมาเค้าจะมีปัญญาอบรมกันให้ดีได้เท่าคุณไหมล่ะ 

#สังคมไทยต้องพึ่งพุทธศาสนา 
#วัดไหนดีมีศักยภาพในการฝึกคนก็จงอย่ารังเกลียด อย่าต่อต้านอย่าต่อว่าเขาเลย 

#พวกคุณฉลาดการศึกษาดีความคิดดี หน้าจะคิดได้บ้างว่า การจะเผยแพร่ศาสนา การจะเอาคำสอนพุทธองค์มาใช้ในกลุ่มคน มันต้องใช้ปัจจัยอะไรประกอบ อีกมากมายแค่ไหน 

#หากวัดจะใหญ่โตเพื่อรองรับผู้คนมาปฏิบัติฟังธรรมก็อย่าไปต่อว่าเขาเลย เขาสอนอะไร ทำอะไรกันบ้าง ถ้าไม่รู้ไม่เห็นด้วยตัวเอง ก็อย่ามานั่งด่านั่งวิจารณ์เขาเลย

#วัดใหญ่ๆอีกหลายวัดนี่หละ ที่เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือ
วัดร้างฯ,วัดเล็ก,และวัดต่างๆในภาคใต้ 

#ไม่ชอบทำบุญกะวัดใหญ่ๆก็ทำกะวัดเล็กๆก็ได้บุญเหมือนกัน สาธุค่ะ

Cr.เพ็ญพร ออย

status เด็กรุ่นใหม่ "ถ้าเข้าวัดแล้วผิด??? เข้าอะไรถึงจะถูก???"

ถึงเพื่อนๆ ที่หวังดีนะครับ
บอกว่า "ให้ผมเลือกเข้าวัดที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ" 
"ทุกวัดมีทั้งดีและไม่ดี"

ขอบคุณในความห่วงใย
ขอบคุณในความคิดเห็นนะครับ

ในมุมมองผมถ้าเอาตรงๆ ทุกวันนี้ก็ไปทุกวัดนะครับ ถามเพื่อนกัลยาณมิตรที่ไหนก็ได้ครับ ผมไม่ได้ยึดโยงที่จะไปวัดพระธรรมกายวัดเดียว

มีโอกาสไปทำบุญที่วัดไหนก็จะไปทุกวัด ร่วมบุญกับทุกวัด และหลวงพ่อยังชอบชวนพวกผมทำบุญถวายสังฆทานกับพระทั่วทั้งประเทศกว่า 30,000 วัด หรือ 323 วัดใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยซ้ำ

แต่...ที่ผมยังเลือกไปวัดพระธรรมกายเกือบทุกอาทิตย์
เพราะผมชอบที่หลวงพ่อท่านสอน ผมไปแล้วมีความสุข

คุณหรือใครจะมองว่าท่านสอนเพี้ยนหรือไม่เพี้ยนเรื่องนี้ผมว่า นานาจิตตังนะครับ

ผมมองแต่ว่า ตั้งแต่ผมเข้าวัดพระธรรมกายมา หลวงพ่อธัมมชโยท่านไม่เคยว่าร้ายใคร (อนูปวาโท) และสอนให้ลูกศิษย์อย่างพวกเราอดทนต่อคำพูดดูถูกด้วยซ้ำ

จำได้ตอนเด็กๆ ตอนประมาณปี2541-2542 ช่วงนั้นผมโดนเพื่อนล้อหนักมาก หาว่าโดนล้างสมอง บ้าไปแล้ว ผมจึงมาปรับทุกข์กับคุณแม่

คำตอบที่ได้รับคิดว่าน่าจะให้เราสู้หรือตอกกลับไปบ้าง

แต่เปล่า!!!

แม่ผมกลับสอนและยกคำสอนของหลวงพ่อธัมมชโยมาพูดด้วยว่า 

         "อย่าไปถือโทษ โกรธเขาเลย ให้มองกลับมาที่ตัวเราเอง...ว่าเป็นความผิดของเรา...ที่ไม่สามารถอธิบายให้เขาเข้าใจความเป็นจริงได้"

วันนี้ที่ผมตั้งstatus "ถ้าเข้าวัดแล้วผิด??? เข้าอะไรถึงจะถูก???" ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆครับ

ถ้าผมเข้าวัดพระธรรมกายแล้วผิด???

ผิดที่ หลวงพ่อสอนให้รู้จักทำทาน...
ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องรู้จักอนาถบิณฑิกเศรษฐี และมหาอุบาสิกาวิสาขาคงไม่มีอยู่จริงในพระไตรปิฎก

ผิดที่ หลวงพ่อสอนให้รู้จักรักษาศีลห้า
ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเข้าผับกินเหล้าถึงจะถูก

ผิดที่ หลวงพ่อสอนให้รู้จักสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรและเจริญสมาธิภาวนา

ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเล่นไฮโล เพราะเป็นมิจฉาสมาธิ

ท้ายสุดประมวลความรู้สึกที่ผมมีตั้งแต่เล็กจนโต

เพื่อนๆที่ชอบว่า วัดพระธรรมกายสอนผิด สอนเพี้ยน...

ถามกลับ เคยไปวัดพระธรรมกายแล้วหรือยัง?
ถ้าไปแล้ว? ไปกี่ครั้ง?

สอนเพี้ยน หรือ สอนของจริงที่มีอยู่ภายในตัว
ทำไมไม่รู้จัก "เอหิปัสสิโก" พิสูจน์สิครับ
ธรรมะเป็น "ปัจจัตตัง" รู้ได้เฉพาะตน

โพสต์แบบนี้ไม่ได้ว่า วัดพระธรรมกายดีเลิศที่สุดนะครับ...แต่ผมเข้าวัดตั้งแต่ปีพ.ศ.2541จนถึงทุกวันนี้ เพราะ...

หลวงพ่อชนะใจคนทั้งโลกไม่ใช่แค่ด้วยคำพูด แต่ชนะใจคนทั้งโลกด้วยการกระทำครับ

ป.ล. ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้หมดกิเลสนะครับ เพราะไม่หมดกิเลส ก็เลยต้องเข้าวัดครับ


ขอบคุณภาพและข้อความจากเฟสบุ๊ค 
Ponnakron Aiemkumchai


--------------
Cr. line@กองการคณะสงฆ์

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

ทำคดีแบบนี้ได้ด้วยเหรอ

การดำเนินคดีกับทางวัดพระธรรมกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุดได้มีการเอาผิดแล้วรวมทั้งสิ้น 175 คดี 



     จากข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ที่เขียนว่า มีนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเปิดเผยถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 กว่า 5 กองร้อย และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังขอคืนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ว่า “วันนี้เป็นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ทางสาธารณะที่อยู่ในบริเวณใกล้กับวัดพระธรรมกาย ตามที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ”




เปรียบเทียบกับสิ่งที่ทนายคนสองยุค ได้อธิบาย
......................................
​เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
......................................

พิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์
ของ นายตำรวจใหญ่ บอกว่า

“มาขอคืนพื้นที่ตามที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัด
ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ” 
   
แสดงว่า กรมธนารักษ์กระทรวงการคลัง เป็น “ผู้เสียหาย” เพราะเป็นร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ในคดีบุกรุกซึ่งเป็นคดีมีโทษทางอาญา


 *** แล้วกรมธนารักษ์มีหน้าที่ดูแลที่ราชพัสดุมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้ยังไง ?  ในเมื่อทางที่ใช้กันทั่วๆ ไปน่าจะมีผู้ดูแลคือ กรมทางหลวง ในพื้นที่ทางหลวงหรือ กรมทางหลวงชนบทในพื้นที่ทางหลวงชนบท หรือ อบต. ในพื้นที่ถนนในความดูแลของ อบต.ไม่ใช่หรือ  ??

......................................
สงสัยว่าที่ราชพัสดุ คืออะไร ??
......................................

มาตรา 4 ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิดเว้นแต่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังต่อไปนี้

           ​(1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
           ​(2) อสังหาริมทรัพย์สำหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้น ว่าที่ ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ ส่วนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล และขององค์ การปกครองท้องถิ่นไม่ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุ


สรุป กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ “ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 4(2)


แล้วทำไมตำรวจจึงรับเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษจากกรมธนารักษ์ ตามที่นายตำรวจใหญ่ท่านนั้นให้สัมภาษณ์มาข้างต้น 

   >> การดำเนินการครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  ??

   >> เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ?? 

อยากรู้คดีธรรมกาย ปัจจุบัน 175 คดีมีอะไรบ้าง ?? ไปดูกันเลย

การดำเนินคดีกับทางวัดพระธรรมกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุดได้มีการเอาผิดแล้วรวมทั้งสิ้น 175 คดี ขณะที่ด้านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพอใจกับปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรอบวัดพระธรรมกาย และอาจมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ที่ขัดขวางเจ้าหน้าที่
การดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกาย ล่าสุดทางคณะทำงานพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้ดำเนินคดีแล้วรวมทั้งสิ้น 175 คดี แบ่งเป็นคดี บุกรุกสะพาน สายไฟ แผงเหล็ก สแลน และปิดถนน รวม 16 คดี คดีบุกรุกแผ้วถางป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 4 คดี พ.ร.บ.ขนส่งทางบก 20 คดี พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 127 คดี ความผิดเกี่ยวกับการกีดขวางการจราจร 3 คดี ขัดขวางเจ้าพนักงาน 2 คดี คดีใช้น้ำบาดาลและขุดบ่อบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 คดี หมิ่นประมาทโดยโฆษณา 1 คดี และคดีความผิดเกี่ยวกับการเอาไปเสียซึ่งทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดไว้ กรณีตู้คอนเทเนอร์ 1 คดี
ขณะที่ปฏิบัติการเข้ารื้อถอนสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบวัดพระธรรมกายเมื่อวานนี้ ด้านพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ผลการปฎิบัติการงานครั้งนี้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากการดำเนินการครั้งนี้เป็นตามกฎหมายและเป็นไปด้วยดี
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนคาดว่าอาจจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะกรณีการนำเสาหินมาวางกีดขวางการจราจร และผู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่ากระทำความผิดจริงก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่
ส่วนจะมีการปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมหลังจากนี้หรือไม่ คงต้องรอผลสรุปการหารือก่อน โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ เช่น สะพานข้ามคลองบริเวณประตู 4 ของวัด ก็จะต้องดำเนินการไปตามคำสั่งของศาล เช่นเดียวกับกรณีการตัดน้ำ ตัดไฟ และการรื้อถอนเสาไฟ เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองทั้งหมด
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานเรื่องการขอหมายค้นจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่วนการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่และการขอหมายค้นวัดพระธรรมกายในความรับผิดชอบของตำรวจครั้งต่อไป คงต้องรอคำสั่งจากทาง พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเท่านั้น

อ้างอิง : http://news.sanook.com/2143654/ วันที่ 28 ธันวาคม 2559