เขาว่าหลวงพี่เป็น...ผู้มีอิทธิพล
โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ (องค์กรสาธารณประโยชน์)
......................................
หลวงพี่คิดอยู่นานว่าจะนำเสนอข้อมูลดังต่อไปนี้ดีไหมและอย่างไรดี? เพราะพยายามหลีกเลี่ยงอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้ใครได้รับความเสียหายจากสิ่งที่หลวงพี่เขียน แต่ก็ต้องรักษาข้อแท้จริงเอาไว้ .. ก็ว่าไปตามเนื้อผ้าแล้วกันนะ ..
.. มาอยู่ที่เขาวงพระจันทร์ไม่กี่วันพระรูปนั้นก็เริ่มมีทีท่าแปลกๆ ท่านบอกว่าชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าหลวงพี่จะจัดบวชจริงๆหรือ ไม่เห็นก่อสร้างอะไรเลย (อ้าว.. ตอนไปชวนเรามาบอกที่กว้างกางเต๊นท์ได้เป็นร้อยหลัง) หลวงพี่ก็มีเหตุผล เพราะกว่าธรรมทายาทจะเข้าโครงการก็อีกสองสามเดือนโน่น พึ่งมาอยู่ไม่กี่วันจะรีบสร้างอะไรกัน แต่เมื่อท่านอ้างชาวบ้าน หลวงพี่ก็เลยของบเตรียมสถานที่จากวัดพระธรรมกายมาได้จำนวนหนึ่ง ตกลงกันว่าจะสร้างอาคารที่พักและห้องน้ำให้ธรรมทายาทตรงสนามด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้านขวามือของพระยืน ตัวหลวงพี่เองไม่มีความรู้เรื่องการก่อสร้างเลย แค่ตกลงกันคร่าวๆว่า ให้ทำเป็นโรงนอนให้พักกันได้สักหลายๆสิบคน ประหยัดสุด ประโยชน์สูง อะไรต้องซื้อก็ซื้อ วัศดุอะไรที่วัดมีอยู่พวกไม้เก่าที่เก็บไว้ก็เอามาใช้ และให้ชาวบ้านมาช่วยกันสร้าง ให้ท่านเป็นผู้ควบคุมดูแลโดยให้เงินท่านไปเป็นงวดๆ หลวงพี่ดูใบเสร็จที่ท่านไปซื้อวัสดุก่อสร้างเห็นว่าสมเหตุสมผลก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูท่านมีความสุขขึ้นทีเดียวเมื่อมีงานก่อสร้างและได้ชักชวนชาวบ้านมาช่วยกัน วันหนึ่งเป็นช่วงที่หลวงพี่ไม่อยู่ ทราบว่าท่านจัดทอดผ้าป่า มีการเข้าทรงฤาษีด้วย เพื่อหางบมาทำพื้นศาลา
แต่มีข้อสังเกตุว่าท่านจะไม่ยอมให้หลวงพี่อยู่กับชาวบ้านตามลำพังเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านไปทำธุระอย่างอื่นและผ่านมาเห็นหลวงพี่คุยกับชาวบ้านท่านจะต้องเข้ามาถามทุกครั้งว่าชาวบ้านคุยอะไรกับหลวงพี่บ้าง (ตอนหลังมาทราบว่าท่านก็จะไปถามชาวบ้านเช่นกันว่าหลวงพี่ถามอะไรบ้าง) วันหนึ่งหลวงพี่เข้าไปอาคารที่ท่านพักก็เห็นกล่องภายในมีปลอกกระสุนปืนที่ยิงแล้วอยู่จำนวนมาก ท่านบอกว่าใช้ทำตะกรุด หลวงพี่ก็เตือนท่านว่าพวกเดรัจฉานวิชานั้นอย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า
วันหนึ่งท่านก็มาบอกว่าทำใมหลวงพี่ต้องเช่ารถและจ้างคนขับ ชาวบ้านว่ามันไม่จำเป็นเพราะอยากจะไปไหนมาไหนแค่บอกชาวบ้านเท่านั้นเองเขาพร้อมจะช่วย แต่ข้อนี้หลวงพี่ไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะหลวงพี่ต้องออกไปชวนคนบวชไกลๆ ในป่าในเขาแทบทุกวัน รู้สึกเกรงใจชาวบ้าน (ภายหลังคนขับรถมารายงานว่า วันหนึ่งไปซื้อวัสดุก่อสร้างด้วยกัน คนขับรถเดินไปดูใบเสร็จที่ท่านซื้อของทำให้ท่านไม่พอใจมาก)
ภายในแค่ไม่ถึงเดือนนับแต่หลวงพี่ย้ายเข้ามาอยู่ที่เขาวงพระจันทร์ .. ท่านลงไปทำธุระที่แม่สอด วันนั้นเองก็มีชาวบ้านมาถามหลวงพี่ว่ารู้จักพระรูปนั้นนานหรือยัง เพราะท่านก็พึ่งจะมาถึงแม่จันประมาณเดือนเดียวและบอกกับชาวบ้านว่าท่าน (หมายถึงหลวงพี่รูปนั้น) มาจากวัดพระธรรมกายซึ่งมีเงินเยอะ และวัดพระธรรมกายจะมาลงทุนพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ จำนวนเงินที่ท่านบอกชาวบ้านนั้นมากโขเชียวแหละ ขออย่างเดียวให้ชาวบ้านช่วยรื้อกุฏิเก่าๆออก และให้ช่วยกันตัดต้นไม้และกอไผ่รกๆให้หมด หลวงพี่ก็อธิบายไปว่าท่านบวชในโครงการที่วัดจัดก็จริงแต่จะอ้างว่าเป็นพระวัดพระธรรมกายนั้นไม่ได้ เรื่องวัดพระธรรมกายมีเงินเยอะนั้น ค่าใช้จ่ายเยอะกว่า อย่างจัดบวชทั่วประเทศนี่ก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล หลวงพี่ก็เลยถามว่าจริงไหมที่ท่านอ้างชาวบ้านอย่างโน้นอย่างนี้เช่นเรื่องไม่อยากให้จ้างคนขับรถ ชาวบ้านก็บอกว่าไม่จริง พระอาจารย์มีรถเองก็ดีแล้ว ใครจะว่างไปส่งพระอาจารย์ได้ทุกวัน
.. อ้ออย่างนี้นี่เอง .. วันแรกๆที่หลวงพี่มาถึงจึงเห็นต้นไผ่ลำเบ้อเร่อจำนวนมากโดนฟันยืนแห้งตายอยู่ริมเขา และมีกอไผ่ที่โดนไฟเผาอีกหลายกอทั้งบริเวณหลังครัวและสนามหญ้าที่พระสีวลีอยู่ นอกจากนั้นยังมีเศษอัฐบริขารเครื่องใช้ของพระอยู่ในบริเวณกุฏิเก่าที่พึ่งถูกรื้อถอนออกไปด้วย กุฏิเก่าที่โดนรื้อไปนั้นอยู่บริเวณริมเขาตรงกันข้ามกับสนามหญ้าด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวบ้านบอกว่าก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ พระครูวัดบนบอกหลวงพี่ว่าเมื่อก่อนนั่งรถผ่านเขาวงพระจันทร์มองเข้ามาจะเห็นเป็นดงไผ่ร่มครึ้ม ท่านมาอยู่แค่เดือนเดียวโล่งโจ้งหมด ตอนหลังชาวบ้านก็มาบอกว่าเคยมีเจ้าที่พิทักษ์ป่ามาหาพระรูปนั้นสงสัยจะเป็นเรื่องการตัดต้นไม้
ส่วนเรื่องกุฏิที่โดนไฟไหม้นั้นเรื่องราวก็คลุมเครือมาก หาข้อสรุปไม่ได้ว่าเกิดเพราะอะไร รู้แต่ว่าคืนที่ไฟไหม้ ทั้งพระทั้งเณรก็จำวัตรอยู่ในนั้น ท่านบอกหลวงพี่ว่าวันนั้นมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาขอพักด้วย พอตกกลางคืนก็มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่แถวๆวัดแล้วชายคนนั้นก็หายไปพร้อมกับรถคันนั้นขณะที่ไฟไหม้ แต่พอถามสามเณรกับชาวบ้านก็ไม่มีใครเคยเห็นชายและรถคันดังกล่าว ..
เมื่อพบกันในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อหน้าชาวบ้าน ท่านจำนนต่อพยานหลักฐาน ก่อนจากไปท่านได้กล่าวอาฆาตหลวงพี่ไว้ด้วย
หลวงพี่คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจอยู่ต่อ แต่ก็เสียวๆอยู่หลายวัน กลางคืนและเช้ามืดจะเข้าออกที่พักก็คอยระมัดระวังตัว เพื่อความไม่ประมาทหลวงพี่จึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ .. ไม่นานก็มีคนพบว่าท่านลาสิกขาแล้ว และหลวงพี่ก็ไม่เคยเจอชายคนนี้อีกเลย ..
หลวงพี่สอบถามความเป็นมาจนชัดเจนขึ้นในระดับหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้มีพระรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ต่อเนื่องกันถึงสิบกว่าปี ท่านอยู่รูปเดียวในกุฏิที่โดนไฟไหม้ไปและไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรร่วมกับชาวบ้านนัก มาไม่กี่เดือนก่อนนั้นท่านมีปัญหากับชาวบ้านซึ่งทำให้ท่านต้องย้ายออกไป ทำให้วัดร้างไปชั่วขณะ แล้วพระรูปนี้ก็มาถึงโดยที่จริงๆแล้วท่านรู้จักกับคณะคนทรงฤาษี ไม่ใช่จาริกธุดงค์มาเจอวัดร้างโดยบังเอิญอย่างที่บอกโยมป้า และคนทรงฤาษีนี้ก็มาทำกิจกรรมทรงๆสิงๆอยู่เป็นระยะๆที่นี่ เพราะชาวบ้านบางส่วนนับถือเรื่องพวกนี้ และดูเหมือนว่าเจ้าอาวาสองค์ก่อนกับคณะคนทรงนี้ไม่ค่อยถูกกัน ..
อ่านแล้วงงๆก็ช่างเถิดนะ เอาเป็นว่ามาถึงจุดนี้ ภายในเวลาไม่กี่เดือน สำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์มีหลวงพี่มาอยู่เป็นรูปที่สาม ก็ถามชาวบ้านว่า วัดพระธรรมกายไม่มีเงินเหลือเฟือจะมาสร้างอะไรอย่างที่พระรูปนั้นบอกหรอก
"อย่างนี้แล้วยังยินดีจะให้หลวงพี่มาใช้สถานที่นี้จัดบวชอยู่ไหม"?
ชาวบ้านบอกว่าเข้าใจและอยากนิมนต์หลวงพี่อยู่ช่วยดูแล หลวงพี่ก็เลยบอกให้ทำหนังสือแจ้งเจ้าคณะตำบลอย่างเป็นทางการ ซึ่งชาวบ้านก็ยินดี
อ่านบทนำ - บทที่ 6ได้ที่
http://buddhisthotissue.blogsp ot.jp/2016/08/series_1.html
โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์ (องค์กรสาธารณประโยชน์)
......................................
หลวงพี่คิดอยู่นานว่าจะนำเสนอข้อมูลดังต่อไปนี้ดีไหมและอย่างไรดี? เพราะพยายามหลีกเลี่ยงอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้ใครได้รับความเสียหายจากสิ่งที่หลวงพี่เขียน แต่ก็ต้องรักษาข้อแท้จริงเอาไว้ .. ก็ว่าไปตามเนื้อผ้าแล้วกันนะ ..
.. มาอยู่ที่เขาวงพระจันทร์ไม่กี่วันพระรูปนั้นก็เริ่มมีทีท่าแปลกๆ ท่านบอกว่าชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าหลวงพี่จะจัดบวชจริงๆหรือ ไม่เห็นก่อสร้างอะไรเลย (อ้าว.. ตอนไปชวนเรามาบอกที่กว้างกางเต๊นท์ได้เป็นร้อยหลัง) หลวงพี่ก็มีเหตุผล เพราะกว่าธรรมทายาทจะเข้าโครงการก็อีกสองสามเดือนโน่น พึ่งมาอยู่ไม่กี่วันจะรีบสร้างอะไรกัน แต่เมื่อท่านอ้างชาวบ้าน หลวงพี่ก็เลยของบเตรียมสถานที่จากวัดพระธรรมกายมาได้จำนวนหนึ่ง ตกลงกันว่าจะสร้างอาคารที่พักและห้องน้ำให้ธรรมทายาทตรงสนามด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้านขวามือของพระยืน ตัวหลวงพี่เองไม่มีความรู้เรื่องการก่อสร้างเลย แค่ตกลงกันคร่าวๆว่า ให้ทำเป็นโรงนอนให้พักกันได้สักหลายๆสิบคน ประหยัดสุด ประโยชน์สูง อะไรต้องซื้อก็ซื้อ วัศดุอะไรที่วัดมีอยู่พวกไม้เก่าที่เก็บไว้ก็เอามาใช้ และให้ชาวบ้านมาช่วยกันสร้าง ให้ท่านเป็นผู้ควบคุมดูแลโดยให้เงินท่านไปเป็นงวดๆ หลวงพี่ดูใบเสร็จที่ท่านไปซื้อวัสดุก่อสร้างเห็นว่าสมเหตุสมผลก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูท่านมีความสุขขึ้นทีเดียวเมื่อมีงานก่อสร้างและได้ชักชวนชาวบ้านมาช่วยกัน วันหนึ่งเป็นช่วงที่หลวงพี่ไม่อยู่ ทราบว่าท่านจัดทอดผ้าป่า มีการเข้าทรงฤาษีด้วย เพื่อหางบมาทำพื้นศาลา
แต่มีข้อสังเกตุว่าท่านจะไม่ยอมให้หลวงพี่อยู่กับชาวบ้านตามลำพังเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านไปทำธุระอย่างอื่นและผ่านมาเห็นหลวงพี่คุยกับชาวบ้านท่านจะต้องเข้ามาถามทุกครั้งว่าชาวบ้านคุยอะไรกับหลวงพี่บ้าง (ตอนหลังมาทราบว่าท่านก็จะไปถามชาวบ้านเช่นกันว่าหลวงพี่ถามอะไรบ้าง) วันหนึ่งหลวงพี่เข้าไปอาคารที่ท่านพักก็เห็นกล่องภายในมีปลอกกระสุนปืนที่ยิงแล้วอยู่จำนวนมาก ท่านบอกว่าใช้ทำตะกรุด หลวงพี่ก็เตือนท่านว่าพวกเดรัจฉานวิชานั้นอย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า
ตัวอย่างเดรัจฉานววิชา ตะกรุด 108 ดอกที่คาดเอา |
วันหนึ่งท่านก็มาบอกว่าทำใมหลวงพี่ต้องเช่ารถและจ้างคนขับ ชาวบ้านว่ามันไม่จำเป็นเพราะอยากจะไปไหนมาไหนแค่บอกชาวบ้านเท่านั้นเองเขาพร้อมจะช่วย แต่ข้อนี้หลวงพี่ไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะหลวงพี่ต้องออกไปชวนคนบวชไกลๆ ในป่าในเขาแทบทุกวัน รู้สึกเกรงใจชาวบ้าน (ภายหลังคนขับรถมารายงานว่า วันหนึ่งไปซื้อวัสดุก่อสร้างด้วยกัน คนขับรถเดินไปดูใบเสร็จที่ท่านซื้อของทำให้ท่านไม่พอใจมาก)
และแล้ววันสำคัญก็มาถึง
ภายในแค่ไม่ถึงเดือนนับแต่หลวงพี่ย้ายเข้ามาอยู่ที่เขาวงพระจันทร์ .. ท่านลงไปทำธุระที่แม่สอด วันนั้นเองก็มีชาวบ้านมาถามหลวงพี่ว่ารู้จักพระรูปนั้นนานหรือยัง เพราะท่านก็พึ่งจะมาถึงแม่จันประมาณเดือนเดียวและบอกกับชาวบ้านว่าท่าน (หมายถึงหลวงพี่รูปนั้น) มาจากวัดพระธรรมกายซึ่งมีเงินเยอะ และวัดพระธรรมกายจะมาลงทุนพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ จำนวนเงินที่ท่านบอกชาวบ้านนั้นมากโขเชียวแหละ ขออย่างเดียวให้ชาวบ้านช่วยรื้อกุฏิเก่าๆออก และให้ช่วยกันตัดต้นไม้และกอไผ่รกๆให้หมด หลวงพี่ก็อธิบายไปว่าท่านบวชในโครงการที่วัดจัดก็จริงแต่จะอ้างว่าเป็นพระวัดพระธรรมกายนั้นไม่ได้ เรื่องวัดพระธรรมกายมีเงินเยอะนั้น ค่าใช้จ่ายเยอะกว่า อย่างจัดบวชทั่วประเทศนี่ก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล หลวงพี่ก็เลยถามว่าจริงไหมที่ท่านอ้างชาวบ้านอย่างโน้นอย่างนี้เช่นเรื่องไม่อยากให้จ้างคนขับรถ ชาวบ้านก็บอกว่าไม่จริง พระอาจารย์มีรถเองก็ดีแล้ว ใครจะว่างไปส่งพระอาจารย์ได้ทุกวัน
.. อ้ออย่างนี้นี่เอง .. วันแรกๆที่หลวงพี่มาถึงจึงเห็นต้นไผ่ลำเบ้อเร่อจำนวนมากโดนฟันยืนแห้งตายอยู่ริมเขา และมีกอไผ่ที่โดนไฟเผาอีกหลายกอทั้งบริเวณหลังครัวและสนามหญ้าที่พระสีวลีอยู่ นอกจากนั้นยังมีเศษอัฐบริขารเครื่องใช้ของพระอยู่ในบริเวณกุฏิเก่าที่พึ่งถูกรื้อถอนออกไปด้วย กุฏิเก่าที่โดนรื้อไปนั้นอยู่บริเวณริมเขาตรงกันข้ามกับสนามหญ้าด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวบ้านบอกว่าก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ พระครูวัดบนบอกหลวงพี่ว่าเมื่อก่อนนั่งรถผ่านเขาวงพระจันทร์มองเข้ามาจะเห็นเป็นดงไผ่ร่มครึ้ม ท่านมาอยู่แค่เดือนเดียวโล่งโจ้งหมด ตอนหลังชาวบ้านก็มาบอกว่าเคยมีเจ้าที่พิทักษ์ป่ามาหาพระรูปนั้นสงสัยจะเป็นเรื่องการตัดต้นไม้
ภาพกุฏิที่ไฟไหม้จริง |
ส่วนเรื่องกุฏิที่โดนไฟไหม้นั้นเรื่องราวก็คลุมเครือมาก หาข้อสรุปไม่ได้ว่าเกิดเพราะอะไร รู้แต่ว่าคืนที่ไฟไหม้ ทั้งพระทั้งเณรก็จำวัตรอยู่ในนั้น ท่านบอกหลวงพี่ว่าวันนั้นมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาขอพักด้วย พอตกกลางคืนก็มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่แถวๆวัดแล้วชายคนนั้นก็หายไปพร้อมกับรถคันนั้นขณะที่ไฟไหม้ แต่พอถามสามเณรกับชาวบ้านก็ไม่มีใครเคยเห็นชายและรถคันดังกล่าว ..
เมื่อพบกันในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อหน้าชาวบ้าน ท่านจำนนต่อพยานหลักฐาน ก่อนจากไปท่านได้กล่าวอาฆาตหลวงพี่ไว้ด้วย
เมื่อทราบเรื่องราว
พระอาจารย์ที่ดูแลจังหวัดตาก......ได้แนะนำให้หลวงพี่
ถอนตัวออกจากพื้นที่เพราะห่วงว่าจะเป็นอันตราย
หลวงพี่คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจอยู่ต่อ แต่ก็เสียวๆอยู่หลายวัน กลางคืนและเช้ามืดจะเข้าออกที่พักก็คอยระมัดระวังตัว เพื่อความไม่ประมาทหลวงพี่จึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ .. ไม่นานก็มีคนพบว่าท่านลาสิกขาแล้ว และหลวงพี่ก็ไม่เคยเจอชายคนนี้อีกเลย ..
หลวงพี่สอบถามความเป็นมาจนชัดเจนขึ้นในระดับหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้มีพระรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ต่อเนื่องกันถึงสิบกว่าปี ท่านอยู่รูปเดียวในกุฏิที่โดนไฟไหม้ไปและไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรร่วมกับชาวบ้านนัก มาไม่กี่เดือนก่อนนั้นท่านมีปัญหากับชาวบ้านซึ่งทำให้ท่านต้องย้ายออกไป ทำให้วัดร้างไปชั่วขณะ แล้วพระรูปนี้ก็มาถึงโดยที่จริงๆแล้วท่านรู้จักกับคณะคนทรงฤาษี ไม่ใช่จาริกธุดงค์มาเจอวัดร้างโดยบังเอิญอย่างที่บอกโยมป้า และคนทรงฤาษีนี้ก็มาทำกิจกรรมทรงๆสิงๆอยู่เป็นระยะๆที่นี่ เพราะชาวบ้านบางส่วนนับถือเรื่องพวกนี้ และดูเหมือนว่าเจ้าอาวาสองค์ก่อนกับคณะคนทรงนี้ไม่ค่อยถูกกัน ..
อ่านแล้วงงๆก็ช่างเถิดนะ เอาเป็นว่ามาถึงจุดนี้ ภายในเวลาไม่กี่เดือน สำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์มีหลวงพี่มาอยู่เป็นรูปที่สาม ก็ถามชาวบ้านว่า วัดพระธรรมกายไม่มีเงินเหลือเฟือจะมาสร้างอะไรอย่างที่พระรูปนั้นบอกหรอก
"อย่างนี้แล้วยังยินดีจะให้หลวงพี่มาใช้สถานที่นี้จัดบวชอยู่ไหม"?
ชาวบ้านบอกว่าเข้าใจและอยากนิมนต์หลวงพี่อยู่ช่วยดูแล หลวงพี่ก็เลยบอกให้ทำหนังสือแจ้งเจ้าคณะตำบลอย่างเป็นทางการ ซึ่งชาวบ้านก็ยินดี
หลวงพี่จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น
เจ้าสำนักเขาวงพระจันทร์มาแต่บัดนั้น ..
>> นี่คือสภาพสำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์
เมื่อไปถึงใหม่ๆ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว <<
>> นี่คือสภาพสำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์
เมื่อไปถึงใหม่ๆ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว <<
ทางเข้าด้านทิศตะวันตก |
ศาลาตอนหลวงพี่ไปถึง |
โดยพระธาดา จรณธโร
ประธานมูลนิธิธรรมชาติพิสุทธิ์
(องค์กรสาธารณประโยชน์)
(องค์กรสาธารณประโยชน์)
อ่านบทนำ - บทที่ 6ได้ที่
http://buddhisthotissue.blogsp ot.jp/2016/08/series_1.html
อ่านบทที่ 7 : ชีวิตคือการเดินทาง ได้ที่
อ่านบทที่ 8 : Been there .. Done that ..
http://buddhisthotissue.blogspot.sg/2016/08/8-been-there-done-that-series.html
อ่านบทที่ 9 : My way
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/9-my-way-series.html
อ่านบทที่ 10 : ซาโยนาระ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/10-series.html
อ่านบทที่ 11 : ชีวิตใหม่...ในเพศสมณะ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/11-series.html
อ่านบทที่ 12 : หนีเสือปะจระเข้
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/12-series.html
อ่านบทที่ 13 : จากเทือกเขาถนนธงชัยถึงสมุทรสงคราม
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/13-series.html
อ่านบทที่ 9 : My way
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/9-my-way-series.html
อ่านบทที่ 10 : ซาโยนาระ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/08/10-series.html
อ่านบทที่ 11 : ชีวิตใหม่...ในเพศสมณะ
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/11-series.html
อ่านบทที่ 12 : หนีเสือปะจระเข้
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/12-series.html
อ่านบทที่ 13 : จากเทือกเขาถนนธงชัยถึงสมุทรสงคราม
http://buddhisthotissue.blogspot.jp/2016/09/13-series.html
อ่านบทที่ 14 : อุ้มหัวใจไป...อุ้มผาง
http://buddhisthotissue.blogspot.com/2016/09/14-series.html
อ่านบทที่ 15 : อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน รุ่นห้าแสน
http://myalphabet2016.blogspot.com/2016/09/14-series.html
อ่านบทที่ 16 : สำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์
http://myalphabet2016.blogspot.jp/2016/09/16-series.html
อ่านบทที่ 15 : อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน รุ่นห้าแสน
http://myalphabet2016.blogspot.com/2016/09/14-series.html
อ่านบทที่ 16 : สำนักสงฆ์เขาวงพระจันทร์
http://myalphabet2016.blogspot.jp/2016/09/16-series.html
บทที่ 17 กุฏิไฟไหม้กับตอไผ่ (เขาว่าหลวงพี่เป็น...ผู้มีอิทธิพล The series)
4/
5
Oleh
ICHICO
47 ความคิดเห็น
Tulis ความคิดเห็นสู้ต่อไป
Replyคนพาลชอบจับผิดมากๆ
Replyคนพาลชอบจับผิดมากๆ
Replyสาธุ
Replyสาธุ
Replyเมื่อพระเข้าไป ผีก็ต้องออก พระพุทธศาสนาจะได้เจริญ
Replyเมืองไทยเมืองพุทธ จริงหรือว่ากลายเป็นอดีตเมืองพุทธไปแล้ว ช่างน่าเศร้าใจ
Replyเป็นกำลังใจให้ล.พี่สู้ต่อไปค่ะ
Replyเป็นกำลังใจให้หลวงพี่ ทำดียิ่งๆต่อไป สู้ๆๆเจ้าค่ะ
Replyเป็นกำลังใจให้หลวงพี่ ทำดียิ่งๆต่อไป สู้ๆๆเจ้าค่ะ
Replyเป็นกำลังใจให้หลวงพี่ ทำดียิ่งๆต่อไป สู้ๆๆเจ้าค่ะ
Replyเป็นกำลังใจให้หลวงพี่ ทำดียิ่งๆต่อไป สู้ๆๆเจ้าค่ะ
Replyขอเป็นกำลังใจให้พระอาจารย์ธาดา สู้และสร้างบารมีเดินรุดหน้ากันต่อไปครับ การสร้างบุญบารมีก็มีอุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา "มีปัญหาก็แก้ไขกันไป มีบุญกุศลก็ทำกันไป" แล้วเราจะปลื้มปีติใจ และมีความสุข ในที่สุดฯ
Replyขอถวายกำลังใจให้พระอาจารย์สู้เจ้าค่ะ
Replyกราบถวายกำลังใจเจ้าค่ะธรรมะ ย่อมชนะอธรรม
Replyเจอพระพาลคนพาลต้องทำใจสู้ดว้ยความดีความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น สาธุครับ
Replyเจอพระพาลคนพาลต้องทำใจสู้ดว้ยความดีความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น สาธุครับ
Replyขอเป็นกำลังใจให้พระอาจารย์ค่ะ
Replyความดีชนะทุกสิ่ง
Replyกราบถวายกำลังใจและอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์เจ้าค่ะ
Replyกราบถวายกำลังใจแด่ //หลวงพี่ธาดาค่ะ
Replyพระอาจารย์ท่านไปที่นั่นเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาโดยแท้ และพาผู้คนให้เห็นชอบตามหลักพระพุทธศาสนา กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ด้วยค่ะ
Replyสาธุครับ
Replyกราบถวายกำลังใจพระอาจารย์ค่ะ สาธุ
Replyนับถือน้ำใจพระอาจารย์ค่ะ มุ่งมั่นมาก
Replyคนบาปชอบหาเรื่องพระ
Replyความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง
Replyความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง
Replyขอถวายกำลังใจพระคุณเจ้าผู้เสียสละและทุ่มเทค่ะ
Replyกราบอนุโมทนาบัญกับหัวใจนักสู้อันยิ่งใหญ่ครับ
Replyกราบถวายกำลังใจหลวงพี่..หัวใจอัศจรรย์ความดีที่สั่งสมประดุจดังทองคำที่นับวัน มีแต่เรื่องราวอันทรงคุณค่าต่อการจดจำบนหน้าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
Replyทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ
Replyธาตุธรรมแกร่งจริงๆค่ะ อ่านแล้วนึกภาพตาม ใครใจไม่ถึงและรักพระศาสนาจริงก็จะเหมือนพระที่อยู่รูปแล้วมา
Replyกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ตั้งใจปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างดีเยี่ยม
Replyการสร้างบารมีของหลวงพี่มีแต่เรื่องราวตื่นเต้นชวนให้จดจำเป็นประสบการณ์มากมาย อนุโมทนาบุญกับหลวงพี่ด้วยค่ะ
Replyกราบถวายกําลังใจ ให้หลวงพี่สู้ต่อไปเจ้าค่ะ สาธุค่ะ
Replyถวายกำลังใจเจ้าค่ะ
Replyถวายกำลังใจเจ้าค่ะ
Replyขอให้เข้มแข็งทำหน้าที่ต่อไปครับ
Replyอุปสรรคมีไว้ให้ข้าม สู้ต่อไปให้ถึงเป้าหมาย กราบถวายกำลังใจ พระอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง สาธุๆๆครับ
Replyกราบถวายกำลังใจเจ้าค่ะ สู้ต่อไปเจ้าค่ะเพื่อพระพุทธศาสนาของเราเจ้าค่ะ
Replyสาธุ
Replyกราบถวายกำลังใจเจ้าค่ะ
Replyกราบอนุโมทนาบุญและกราบถวายกำลังใจให้หลวงพี่สู้ต่อไปนะเจ้าคะ เพื่อโปรดสัตว์และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้เข้าถึงใจชาวบ้านผู้ด้อยโอกาส นี่คือ บุญของหลวงพี่โดยแท้ ไม่เช่นนั้น หลวงพี่คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ กราบสาธุๆๆเจ้าค่าาา
Replyกราบอนุโมทนาบุญและเป็นกำลังให้พระอาจารย์เจ้าค่ะ
Replyสาธุค่ะ
Replyความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง
ไปปลุกสร้างความศรัทธาให้กับประชาชนคนมีบุญ ถือว่าเป้นคนมีบุญมาก สาธุ
Reply