“พระหล่อ-เพลงเด็ด”
เมื่อธรรมกายมาเหนือ รัฐจะแก้เกมส์อย่างไร?
ดุเด็ดเผ็ดมันยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
กับมหกรรมปิดล้อมวัดธรรมกาย
ศัตรูหมายเลข 1
ของรัฐบาลในขณะนี้
ด้วยตัวท่านผู้นำเองก็มุ่งมั่นจะล้มให้ได้ งัดไม้ตายสารพัดมากำจัด ทั้ง ม.44 ที่ใครต่อใครก็กลัวหนักกลัวหนา การใช้ทหาร ตำรวจ DSI วันละ 5,000 นายปิดล้อมวัด สกัดทางเข้าออก ปิดกั้นเสบียง ตัดสัญญาณมือถือ ตัดอินเตอร์เน็ต เอาเฮลิคอปเตอร์บินวนเหนือวัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฯลฯ
แต่วัดธรรมกายก็ยังไม่ตาย
แถมมิวายยิ่งตียิ่งดัง
ซึ่งล่าสุดงัดกลยุทธ์ประชานิยม
“พระหล่อ-เพลงเด็ด” มาสู้
จากคนที่เบื่อข่าวธรรมกายไม่ตายสักที
กลายเป็นคึกคักโยกเป็นจังหวะ
พร้อมส่ง"มินิฮาร์ท"
ให้ธรรมกายกันยกใหญ่
ทั้งหมดนี้ไม่เรียกว่า “มาเหนือ”
แล้วจะเรียกอะไร ?
ในยุคโลก 4G ที่มีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอยู่ทุกส่วนของชีวิต เป็นยุคที่ใครจะสร้างคอนเทนต์และเผยแพร่ผ่านช่องทางของตัวเองอย่างไรก็ได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว งานนี้เลยไม่แปลกหากศิษย์ธรรมกายที่มีเป็นแสนเป็นล้านจะขยันสร้างคอนเทนต์โต้ตอบทีมเอเจนซี่ของรัฐบาล ทั้งในรูปแบบการ์ด ข้อความ บทความ จนมาล่าสุดเป็นมิวสิควีดีโอ งานนี้รัฐอาจคิดว่าตัดเน็ตในวัดธรรมกายแล้วเขาน่าจะอยู่เงียบๆ ได้ แต่อย่าลืมว่าศิษย์ธรรมกายอยู่ในวัดแค่หลักหมื่น ส่วนอีกหลักแสนคนอยู่นอกวัด ที่สำคัญคือ มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นลูกศิษย์วัดนี้
การโต้ตอบของวัดธรรมกายมีวิวัฒนาการการสู้รบแบบคาดไม่ถึง ตั้งแต่วิธีการตั้งม็อบสวดมนต์ เรียกว่าทหารตำรวจจะยืนล้อมอย่างไร ชาวธรรมกายก็นั่งสวดมนต์ นี่แหละคือความน่ากลัว ที่น่ากลัวเพราะมันนิ่ง จนเดาทางไม่ออก ถ้าเป็นม็อบอื่น ดูการเคลื่อนไหวของแกนนำ ดูคำพูดเจราจาปราศรัย เดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำอะไรกันต่อไป แม้มีการใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาเข้ามาพูดเกลี่ยกล่อม ชาวธรรมกายก็ทำหูทวนลม ปากก็สวดมนต์ต่อไป
นี่แหละธรรมกาย งัดแม่ไม้ “นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว” สวดมนต์จิตผ่องใส จนตำรวจทหารที่มาเฝ้าวัดพากันบ่นอุบว่าโดนเสียงสวดมนต์หลอกหลอนจนกลับไปนอนยังฝันถึง
งานนี้ฝ่ายเอเจนซี่ของรัฐบาลเลยอดได้ภาพการกระทำรุนแรงของพระคุณเจ้าไป เพราะพระไม่ยอมเล่นไม้แข็งด้วย
แม้จะมีเหตุการณ์ปะทะกันอยู่วันหนึ่ง
ฝ่ายรัฐบาลก็เสียเปรียบอีก
เพราะมีภาพปรากฏชัด
ว่าทำพระบาดเจ็บ
ทำญาติโยมเขาซี่โครงหัก
เกมส์นี้เป็นอันแพ้ไป
เหตุการณ์ต่อมามีลุงสูงวัยปีนเสาขู่จะฆ่าตัวตาย หากไม่ยกเลิกม.44 ก่อน 3 ทุ่ม และในที่สุดลุงก็ปลิดชีวิตตนเองด้วยการผูกคอ
กลายเป็นศพแรกที่สังเวย ม.44
ทำเอารัฐบาลต้องออกแก้วุ่นวาย
ว่าไม่ได้ตายเพราะม.44
ที่พลาดท่าสุดคือเรื่องราวการตายของผู้ช่วยพยาบาลที่ทีมกู้ชีพติดด่านจนไปช่วยชีวิตไม่ทัน งานนี้ชาวธรรมกายส่งภาพแคปเจอร์หน้าจอไลน์ที่ผู้ตายพิมพ์ค้างไว้ ว่อนไปทั่วโลก จนไปถึงมือนักข่าวให้เผยแพร่กันทุกสำนัก
รัฐบาลซึ่งแถลงข่าวทีหลัง
ยังกล่าวยันด้วยตัวเลข
ตายมาแล้ว 5 ชั่วโมง
ทำเอาศิษย์วัดของขึ้น
กล่าวหารัฐว่าทำร้ายได้แม้กระทั่งคนตายแล้ว
และผลสรุปตอนท้ายฝ่ายวัดธรรมกายถูกต้อง
มาล่าสุด ปิดปากพระสนิทวงศ์
พระเซเลปนักแถลงข่าวแบบ official ของวัดได้
........................
แม้ในโลกโซเชี่ยลก็ตั้งฉายา
“พระโอปป้า”
ถามว่ารู้ไหมพระแถลงอะไร
ตอบไม่รู้ รู้แต่พระหล่อ
ผลงานชิ้นโบว์แดงสุดท้าย ณ ขณะนี้ คือ การต่อสู้ด้วยบทเพลงที่ดังเพียงชั่วข้ามคืน “ฉันก็รักวัดของฉัน” ซึ่งดัดแปลงมาจากเพลงประกอบละครสามีตีตราอันโด่งดังของนักร้องดูโอ้ นิว-จิ๋ว
เพลงนี้โดยต้นทุนเดิมเนื้อหาก็แรงจนสะเทือนไตอยู่แล้ว มาแปลงสารส่งอินเนอร์สะท้อนหัวใจชาวธรรมกายในขณะนี้อีก ยิ่งได้คะแนนน่าสงสาร เอาว่าแม้จะเกลียดวัดนี้แค่ไหน แต่ก็เห็นใจเขา เขาจะนับถือของเขา เขาผิดด้วยหรือ ?
แต่ศึกนี้ยังไม่จบ ทั้งรัฐบาลและธรรมกายจะหยิบไม้เด็ดอะไรมาใช้ในการแย่งพื้นที่ข่าวสาร ช่างเป็นสิ่งที่น่าติดตาม และล้วนเป็นเคส สตัดดี้ที่น่าศึกษาทั้งสิ้น
และหวังใจลึกๆว่าหนังเรื่องนี้
จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
*************
Cr. อาชัญ
8 มีนาคม 60
“พระหล่อ-เพลงเด็ด” เมื่อธรรมกายมาเหนือ รัฐจะแก้เกมส์อย่างไร?
4/
5
Oleh
ICHICO